- IBISWorld เผยว่าปี 2019 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโค้ชชิ่งเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาท
- จากการวิจัยของ Fortune 500 พบว่าการโค้ชผู้บริหารแบบตัวต่อตัวที่มีประสิทธิภาพ (Executive Coaching) สร้างผลตอบแทน ROI ได้สูงถึง 788%
- Forbes เปิดเผยว่า หนึ่งในการโค้ชชิ่งที่โตเร็วที่สุดในยุคนี้คือ การโค้ชเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่พนักงาน (Employee Satisfaction Coach) เพราะพนักงานคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของบริษัท และพวกเขาต้องการมากกว่าแค่เงิน
ไม่ว่าจะรูปแบบไหน การโค้ชชิ่งล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม คนทำงานหลายคนยุคนี้ยังมี Mindset ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการโค้ชชิ่ง…รวมถึงบรรดาผู้บริหาร
โดยเฉพาะ 5 Coaching Mindset เหล่านี้ ที่หากเผลอนำไปใช้แล้วล่ะก็ คือรถไฟเหาะสู่ความล้มเหลวแน่นอน
1. Leading questions
- ทุกคนมองว่านาย A คือต้นเหตุของปัญหา…แล้วคุณคิดว่าไง?
- คุณคิดอย่างไรกับบริการอันเป็นเลิศของบริษัท A?
- แล้วทำไมคุณไม่บอกหัวหน้าไปตรงๆ ล่ะ?
คำถามชี้นำที่ไม่เป็นกลางลักษณะนี้ นำไปสู่การ “ตีกรอบความคิด” (Framing)
กลายเป็นว่า แทนที่พนักงานจะมีอิสระในการสำรวจความคิดจนค้นพบตัวเอง (Self-discovery) หรือมองสถานการณ์ในมุมมองใหม่ๆ…กลับถูกชี้นำให้คิดตามกรอบและประสบการณ์ของนักโค้ช
คำถามแบบนี้ ตัวผู้โค้ชมัก ‘ปักธง’ มีคำตอบในใจอยู่แล้ว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคนถูกโค้ช
2. Coaching ‘to’ others
ทัศนคติที่ว่า เรามาโค้ชชิ่งให้ (to) ลูกน้อง-พนักงาน จะเกิดเส้นแบ่งและจริตของการถูกควบคุม
การปรับทัศนคติใหม่ว่ามาโค้ชกับ (with) ลูกน้อง-พนักงาน จะให้ความรู้สึกที่ “เท่าเทียม” มากกว่า กระตุ้นการแลกเปลี่ยนทัศนคติและความคิดแบบเปิดอกเปิดใจ
ฟังดูใกล้เคียงกันมาก แต่ทัศนคติอย่างหลัง ต่อไปพนักงานจะรู้สึกว่าตัวเองทำงาน ‘กับ’ บริษัท (I work with the company.) ซึ่งมีแนวโน้มจะทุ่มเททำงานและจงรักภักดีมากกว่า
3. Coaching is to fix troubled employees.
การมองว่าพนักงานของตนมีปัญหา…จึงต้องรับการโค้ชเพื่อพัฒนา
กับ
การมองว่าพนักงานของตนปกติ…แค่รับการโค้ชเพื่อพัฒนาให้เก่งยิ่งขึ้นต่อไป
ทัศนคติอย่างหลัง เป็นการมองแบบก้าวไปข้างหน้า (Forward thinking) และพนักงานมีแนวโน้มให้ความร่วมมือมากกว่า
เพราะแก่นของการโค้ชคือการ “พัฒนา” (Improve) บุคลากร…ไม่ใช่การแก้ไข (Fix)
แม้แต่พนักงานที่เก่งที่สุดก็ควรได้รับการโค้ช!
4. Coaching is mentoring.
พนักงานหลายคน(แม้แต่ผู้บริหาร) ยังเข้าใจผิดอยู่ว่าการโค้ชชิ่งคือการอบรม “สอนงาน” มานั่งรับฟังความรู้อย่างตั้งอกตั้งใจ
แต่การโค้ชชิ่งที่ถูกต้องจะเริ่มจากการ “รับฟัง” ก่อนจะตั้งคำถามย้อนกลับให้เราได้ขบคิดจน “ตกผลึก” ด้วยตัวเอง
กว่า 80% ของการโค้ช คือการรับฟัง
อีก 20% ที่เหลือ คือการตั้งคำถามปลายเปิดสะท้อนกลับ
ในระหว่างกระบวนการนี้ ผู้ถูกโค้ชยังอาจได้ค้นพบตัวเองในมิติที่ลึกซึ้ง
เขาอาจถูกโค้ชถึงทักษะการปิดการขาย แต่สุดท้ายก็อาจรู้ด้วยว่าความสุขในการทำงานนี้คืออะไร? คุณค่าที่แท้จริงอะไรกันแน่ที่ส่งมอบให้แก่สังคม?
5. Coaching always works.
ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป การโค้ชที่ปราศจากการวางแผนที่ดี เน้นปริมาณแต่ไร้คุณภาพ…ล้วนประสบความล้มเหลวมานักต่อนักแล้ว
การโค้ชที่ได้ผล สิ่งแรกต้องมาจาก “ระดับบน” จากผู้บริหารที่วางกรอบนโยบายชัดเจน จัดตั้งเป็นวาระสำคัญ ประเมินผลได้ และทำอย่างต่อเนื่องนานพอจนเห็นผล จนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
หางจะตามได้…หัวต้องนำก่อน
.
แต่ก่อนจะ Coach คนอื่นได้…ต้องรู้จักตัวเองให้ลึกซึ้งเสียก่อน
ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa ได้ที่ >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
อ้างอิง
- https://www.ibisworld.com/industry-statistics/market-size/business-coaching-united-states/
- https://www.gallup.com/workplace/321344/anyone-coaching-managers.aspx
- https://www.entrepreneur.com/article/348857
- https://www.rhythmsystems.com/blog/the-roi-of-executive-coaching
- https://www.forbes.com/sites/johnhall/2017/11/14/7-coaching-myths-that-are-keeping-you-from-being-a-better-leader/?sh=43de9a6444fb
- https://medium.com/@McQuaig/how-to-build-a-coaching-culture-at-work-333eac6bd274
- https://brandminds.live/business-coaching-industry-to-top-15-billion-in-2019/#:~:text=IBISWorld%20estimates%20the%20business%20coaching,from%20coaching%20was%20%242.356%20billion.
- https://www.forbes.com/sites/elizabethfreedman/2019/06/07/epic-fail-the-surprising-reasons-why-executive-coaching-doesnt-work/?sh=9501fed1ef47