Business Rivalry: บทเรียนจากเหล่าแบรนด์คู่ปรับตลอดกาล

Business Rivalry: บทเรียนจากเหล่าแบรนด์คู่ปรับตลอดกาล

บางครั้งแล้ว คนที่เราเรียนรู้ได้ดีที่สุด…ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือ “คู่แข่ง” ของเรานั่นเอง

Business Rivalry บทเรียนจากแบรนด์คู่ปรับตลอดกาล

ในมุมผู้ประกอบการ แบรนด์คู่ปรับเหล่านี้มอบ “บทเรียนทางธุรกิจ” ได้อย่างน่าทึ่ง ไหนจะกลยุทธ์การตลาด / การเสียดสีจิกกัด / หรือแม้แต่การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ในมุมผู้บริโภค เรียกได้ว่ามีแต่ได้กับได้ เพราะการ “แข่งขัน” ทำให้เกิดนวัตกรรมหลายอย่างที่มีมรดกต่อทอดที่ผู้บริโภคใช้กันอยู่ถึงทุกวันนี้ 

เราลองไปสำรวจบทเรียนจากแบรนด์คู่ปรับตลอดกาลเหล่านี้กัน

Coca Cola VS. Pepsi

  • Coca Cola ก่อตั้งเมื่อปี 1892
  • Pepsi ก่อตั้งเมื่อปี 1893

นี่คือแบรนด์คู่ปรับตลอดกาลที่เผชิญศึกมานับครั้งไม่ถ้วนกว่า 100 ปี ทั้งคู่มีจุดกำเนิดมาจากผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์เหมือนกัน 

แม้ทั้งสองแบรนด์จะเลือกเส้นทางเดินต่างกันในบางเรื่อง 

  • Coca Cola เน้นสินค้า “เครื่องดื่ม” เป็นหลัก เช่น แบรนด์สไปรท์ / แฟนต้า / ชเวปส์ / มินิทเมท 
  • Pepsi แตกไลน์ไปผลิต ”ขนมขบเคี้ยว” เช่น แบรนด์ Lay’s / Cheetos / Quaker

แต่ในธุรกิจน้ำอัดลมเรียกว่าขึ้นชก “ทุกสนาม-ทุกน้ำหนัก” เลยก็ว่าได้

จุดปะทุที่ชัดเจนที่สุด เกิดขึ้นในทศวรรษ 1970s สื่อมวลชนในยุคนั้นถึงกับขนานนามว่า “Cola Wars” 

โดยเป๊ปซี่เปิดตัว “Pepsi Challenge” ท้าชนโค้กโดยตรง (ชื่อบ่งบอกชัดเจน) โดยได้รับความนิยมถล่มทลาย 

จนโค้กต้องปรับสูตรรสชาติและเปิดตัว “New Coke” แต่ปรากฎว่าลูกค้าผู้จงรักภักดีไม่ถูกจริตกับชื่อใหม่ ราวกับถูกทรยศ คิดถึงวันวานในอดีต จนเกิดการ “แบน” โค้กขนานใหญ่ ยกนี้เป๊ปซี่ชนะไปแบบไม่เห็นฝุ่น

เวลาต่อมา การไฟท์กันของสองแบรนด์ยังปรากฎชัดในวงการ “โฆษณา” ทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหว

เช่น โฆษณาหนึ่งของ Pepsi เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เดินไปที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติ หยอดเหรียญและกดซื้อ Coca Cola 2 กระป๋อง 

เขาไม่ได้ซื้อมากิน แต่ซื้อเพื่อมา…วางเป็น “ที่รองขา” จะได้ยืนสูงขึ้นเพื่อเอื้อมไปกดซื้อ Pepsi ที่อยู่สูงกว่า สุดท้ายเด็กคนนี้เดินกลับบ้านพร้อม Pepsi โดยปล่อย Coca Cola ทิ้งไว้ที่พื้น

Image Cr. bit.ly/3hJfYO1

เป็นงานโฆษณาสุดครีเอทีฟที่จิกกัดได้อย่างมี “คลาส” ไร้คำหยาบ ไร้ความรุนแรงใดๆ งานโฆษณาทำนองนี้จากทั้ง 2 แบรนด์ยังพบเห็นได้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งในเวลาเดียวกัน มันได้ยกระดับ “มาตรฐาน” วงการครีเอทีฟโฆษณาไปในตัว

ทั้งสองแบรนด์ยังปะทะกันอีกในทุกมิติ

  • โลโก้แบรนด์
  • พรีเซนเตอร์ที่เลือกใช้
  • รสชาติใหม่
  • ไลน์สินค้าใหม่

ปี 2020 ตลาดอัดลมทั่วโลกมีมูลค่าราว 6.65 ล้านล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งตลาด…

  • Coca Cola 48.6%
  • Pepsi 20.5%
  • ที่เหลือรวมกัน 30.9%

Mercedes-Benz VS. BMW

  • Mercedes-Benz ก่อตั้งเมื่อปี 1883
  • BMW ก่อตั้งเมื่อปี 1916

ทั้งสองคือแบรนด์รถหรูที่ครองตลาดทั่วโลกและเป็นเคสคู่ปรับตลอดกาล

เริ่มกันที่ผลิตภัณฑ์รถยนต์แต่ละรุ่น เรียกได้ว่าออกมา “ชนกันตรงๆ” ทุกเซกเมนต์

  • A-Class VS. 1-Series
  • CLA VS. 2-Series
  • C-Class VS. 3-Series
  • E-Class VS. 5-Series
  • S-Class VS. 7-Series
  • GLA VS. X1
  • GLE VS. X5
  • SLC VS. Z4
  • AMG VS. M Performance
  • และอีกมากมาย

เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ไปเต็มๆ มีตัวเลือกมากขึ้น

Image Cr. bit.ly/2UKiomB

อย่างไรก็ตาม มีการปะทะกันบางประเด็นที่สื่อถึง “กลิ่นอายมิตรภาพ” แฝงอยู่

ในปี 2020 Mercedes-Benz ออกแคมเปญ “Charge to Change” สนับสนุนการใช้รถ Plug-in Hybrid เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีรูปสุภาพสตรีกำลังยืนชาร์จข้างรถอยู่…แต่ที่น่าสนใจคือ “รถยนต์ที่ชาร์จ” ในโฆษณาคือแบรนด์คู่แข่ง BMW 

โดยต้องการสื่อว่า “สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรักษา ไม่สำคัญว่าจะเป็นรถยี่ห้ออะไร ขอแค่ทุกคนช่วยกัน” (จะใช้แบรนด์คู่แข่งก็ได้)

แต่ก็ไม่วาย มีแอบจิกกัดในโฆษณาตัวอื่นอยู่ดี 

เช่น ปี 2016 BMW จัดเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีก่อตั้งแบรนด์ ทาง Mercedes-Benz ก็ได้ออกโฆษณา “แสดงความยินดี” เช่นกันใจความว่า “Thank-you for 100 years of competition! The previous 30 years were actually a bit boring.”

ประโยคหลังสื่อถึงความเป็นบุกเบิกในโลกยานยนต์และความเก่าแก่กว่าของแบรนด์

Image Cr. bit.ly/3yZhEss

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองแบรนด์ก็มีแนวทางที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง ในแง่การใช้งาน ผู้บริโภคก็รับรู้ดีว่า 

  • ถ้าต้องการความนุ่มสบาย…ต้องไป Mercedes-Benz
  • ถ้าต้องการสมรรถนะการขับขี่…ต้องไป BMW

ทั้งคู่คงจะเป็นแบรนด์คู่ปรับ (บางครั้งก็คู่รัก) ไปอีกนาน 100 ปีจากนี้

ปี 2020 Mercedes-Benz ขายรถได้ทั่วโลก 274,916 คัน

ปี 2020 BMW ขายรถได้ทั่วโลก  278,732 คัน

McDonald’s VS. Burger King

  • McDonald’s ก่อตั้งเมื่อปี 1948
  • Burger King ก่อตั้งเมื่อปี 1954

2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟาสต์ฟู้ด และรู้หรือไม่ว่า ทั้ง 2 ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์แล้ว!!

ทุกวันนี้เรารู้จัก Big Mac ตัวชูโรงจากแมคโดนัลด์ แต่แรกเริ่มเดิมที McDonald’s มีเพียงแฮมเบอร์เกอร์ขนาดธรรมดาในราคาเพียง 15 เซ็นต์ 

ก่อนที่ Burger King ผู้มาทีหลังจะเปิดตัวแฮมเบอร์เกอร์ราคา 37 เซ็นต์ และตั้งชื่อมันว่า “Whopper” เพื่อสร้างความแตกต่างด้านภาพลักษณ์และ “คุณภาพที่เหนือกว่า” (ราคาสูงกว่า 2 เท่า)

McDonald’s เห็นท่าไม่ดี เลยรีบกลับไปพัฒนาสินค้าและเปิดตัว “Big Mac” แฮมเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่ ราคาสูงขึ้น ซึ่งกลายเป็นตัวชูโรงของแบรนด์แต่นั้นมา 

ฝั่ง Burger King ก็เห็นท่าไม่ดี รีบไปพัฒนาและกลับมาพร้อม Whopper ที่ขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน

การแข่งกันพัฒนาสินค้านี้ยังขยายไปอาหารประเภทอื่นอย่างเช่น  

  • นักเก็ต…ใครทำได้อร่อยกว่ากัน
  • แพกเกจจิ้ง…ใครใช้วัสดุที่รักษ์โลกมากกว่า
  • สุขภาพ…ใครทำได้แคลอรี่น้อยกว่า ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น (Health-conscious)

การปะทะของทั้งคู่ยังลามไปถึงในจอ

โฆษณาหนึ่งของ McDonald’s เผยให้เห็นถึงถนนหลวงแล้วมีป้ายบอกว่า McDonald’s ห่างออกไปแค่ 5 กม. ขณะที่ Burger King ห่างออกไปถึง 258 กม.

Image Cr. bit.ly/3xMtO7U

Burger King ไม่รอช้า เรียกประชุมทีมด่วน และโต้กลับด้วยโฆษณาความว่า ณ ถนนหลวงเส้นเดิม ชายหญิงคู่หนึ่งขับรถแวะมาที่ McDonald’s Drive-Thru (ซึ่งมีอยู่ทุกที่) แต่ไม่สั่งเบอร์เกอร์ใดๆ แต่กลับสั่ง “กาแฟ” แทน พร้อมกล่าวว่ายังต้องเดินทางอีกไกล “อีกแค่ 253 กม.เท่านั้นเอง” Whopper ร้อนๆ อร่อยๆ รออยู่ (อดเปรี้ยวไว้กินหวานนั่นเอง)

Image Cr. bit.ly/3wHH2RZ

หรือในโซเชียลมีเดีย เซ็ตเมนูพระเอกของ McDonald’s คือ “Happy Meal” ซึ่งก็โดน Burger King เขียนสวนกลับไปว่า “No one is happy all the time.”

Image Cr. bit.ly/3i9FI56

เป็นความฮา สนุกสนาน และครีเอทีฟของงานโฆษณาทั้งสองแบรนด์

คู่ปรับทั้งสองยังคงแข่งขันกันดุเดือดในทุกมิติจนถึงทุกวันนี้ และผู้บริโภคน่าจะมีแต่ได้กับได้ไปเต็มๆ

ปี 2020 McDonald’s มีสาขาทั่วโลก 39,200 สาขา รายได้ 141,900 บาท

ปี 2020 Burger King มีสาขาทั่วโลก 18,600 สาขา รายได้ 48,000 บาท

ทั้งหมดนี้คือ Business Rivalry บทเรียนจากเหล่าแบรนด์คู่ปรับตลอดกาลที่ให้ข้อคิดเราได้ไม่น้อย

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง