Workshop สุดเจ๋ง ที่ปั้นให้คุณครีเอทีฟแบบก้าวกระโดด

Workshop สุดเจ๋ง ที่ปั้นให้คุณครีเอทีฟแบบก้าวกระโดด

จะดีแค่ไหน? ถ้าความ “ครีเอทีฟ” ของเรา(ที่หลายคนอิจฉา) ถูกถ่ายทอดไปยังคนอื่นได้ โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมทีม…ถ้าทุกคนเก่งงานและมีหัวครีเอทีฟด้วย ก็พร้อมกอดคอกันเติบโตก้าวกระโดดไปด้วยกัน

จู่ๆ คนเราครีเอทีฟได้ยังไง?

มนุษย์เราแตกต่างกัน เราเกิดมาพร้อม “พันธุกรรม” บางอย่างในตัวที่ทำให้เราสนใจหรือ “เก่ง” เรื่องต่างๆ โดยไม่ต้องทำอะไรมากเลย (มีหัวด้านนี้) บางคนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านกีฬา / บางคนเก่งภาษา / บางคนเก่งดนตรี / บางคนเก่งวิเคราะห์ / บางคนเก่งตัวเลข

Map

Description automatically generated

แต่ดูเหมือนว่าน้อยคนที่จู่ๆ จะมีหัวด้าน “ครีเอทีฟ” เพราะต้องมี “กลไก” บางอย่างไปกระตุ้น ต้องได้รับการสอน ต้องได้รับการฝึกเพื่อเฟ้นมันออกมา

จะดีแค่ไหน? ถ้ามี “Workshop” ที่ทำกันในทีม ใช้งบน้อย เริ่มได้ง่ายๆ เริ่มได้ทันที ประยุกต์กับอุตสาหกรรมไหนก็ได้ แถมเป็นเวิร์คชอปที่ Business School ชั้นนำต่างๆ ของของโลกให้ความไว้วางใจในการนำไปใช้ด้วย!

เราตามไปดูกัน…

Worst-Best Scenario

นี่คือเทคนิคกระตุ้นความครีเอทีฟที่ใช้ในคณะบริหารธุรกิจที่ Stanford University เริ่มแรกจะทำการกำหนดหัวข้อเรื่องขึ้นมาก่อน จากนั้น แบ่งคนออกเป็น 2 ทีมใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ ทีม Best และ ทีม Worst 

  • ทีม Best เขียน The best idea ขึ้นมา
  • ทีม Worst เขียน The worst idea ขึ้นมา

พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าทำไมไอเดียนี้ถึงดี-ไม่ดี

ประเด็นอยู่ตรงนี้ ต่อจากนั้น Worst-Best Idea เหล่านี้จะถูก “สลับข้างกัน”

  • ทีม Best จะได้รับ Worst idea จากอีกฝั่ง
  • ทีม Worst จะได้รับ Best idea จากอีกฝั่ง
A group of people sitting around a table with yellow paper on it

Description automatically generated with medium confidence

ก่อนที่ทั้ง 2 ทีม จะต้องพยายาม “พลิกแพลง” (โดยมีหตุผลประกอบ)

  • เปลี่ยนจาก Worst เป็น Best idea
  • เปลี่ยนจาก Best เป็น Worst idea

เช่น Worst idea ในการ “ประหยัดพลังงาน” คือ พนักงานจะไดรับ “โควต้า” ที่จำกัดในการใช้พลังงาน ถ้าใครใช้เกินจะถูกคิดเงินเพิ่ม…ก่อนถูกพลิกแพลงเป็น Best idea โดยทุกอย่างยงคงเหมือนเดิม ยกเว้นแต่ว่า ถ้าพนักงาน “เหลือ” พลังงาน(ใช้น้อยกว่าโควต้า)จะได้รับเงินเพิ่ม และสามารขาย “เครดิตพลังงาน” (แลกกับเงิน) แก่สมาชิกทีมคนอื่นได้ด้วย!

การทดลองในหลายคลาสพบว่า Best-Worst Idea มันไม่ได้แย่-ไม่ได้ดีอย่างที่คิดขนาดนั้นเสมอไป เราสามารถพลิกไอเดียที่ฟังดูแย่และไม่น่าเวิร์คให้กลายเป็นไอเดียที่บรรเจิดสุดครีเอทีฟในที่สุด…ขอแค่เวลาและกึ๋นมันสมองในการคิดกับทีมซะหน่อย

มองมุมกลับ

สมมติว่าในคลาสสอนความคิดสร้างสรรค์ อาจารย์มอบซองจดหมายที่ภายในมีเงิน 100 บาทให้นักศึกษานำเงินจำนวนนี้ไปใช้หาเงินให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 5 วัน ก่อนต้องขึ้นพรีเซนท์หน้าชั้นเรียนเป็นเวลา 5 นาทีถึงผลลัพธ์ที่ได้

ปกติแล้ว ใครก็ตามที่ได้ยินเรื่องนี้จะโฟกัสไปที่เงินทุน 100 บาทและเวลา 5 วันในการหาเงิน แต่เทคนิคมองมุมกลับ(ซึ่งเวิร์คมากถ้าระดมสมองช่วยกันคิดในทีม) บอกเราให้ค้นหา “สารตั้งต้น” ซะก่อน จากกรณีนี้ตัวอย่างเช่น “เวลาพรีเซนท์ 5 นาที”

Engineering drawing

Description automatically generated with low confidence

จากเวลาพรีเซนท์ที่เป็น “ปลายทาง” ของโปรเจคท์นี้ จะสามารถเป็น “ต้นทาง” การเริ่มต้นทำงานได้ยังไง? เราอาจไปดีลกับบริษัทจัดหางานเพื่อให้มา “โฆษณา” (Advertising airtime) หาคนทำงานในช่วงเวลา 5 นาทีนี้ก็ได้! โดยบริษัทจัดหางานต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่โฆษณาตรงนี้เป็นค่าตอบแทนนั่นเอง

มอง…ให้เห็น

ใส่ใจรายละเอียด (Pay attention) ในสิ่งที่ “ถ้ามองแบบผิวเผินจะมองไม่เห็น” เช่น เวลาเดินเข้าร้านค้าแห่งหนึ่ง กลิ่นให้อารมณ์แบบไหน / เสียงเพลงที่เปิดเป็นยังไง / ผิวสัมผัสวัสดุในร้านล่ะ / แล้วสีที่เค้าใช้ล่ะ / จนถึงการปฏิบัติของพนักงานในร้าน

A group of people in a meeting

Description automatically generated with low confidence

วิธีนี้ใช้ได้ผลมากๆ กับงานด้าน “บริการ” (Hospitality) ซึ่งต้องสัมผัสกับผู้คนโดยตรง และเป็นผู้คนที่มีความเซนซิทีฟอ่อนไหวเพราะอยู่ในช่วงท่องเที่ยวผ่อนคลาย

เป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าที่คิด เช่น คุณ Pay attention ร้านเสื้อผ้าคู่แข่งแบรนด์หนึ่งจนพบว่า มีการนำ “นายแบบ-นางแบบ” มาเทคแคร์ลูกค้าภายในร้าน (เช่น Abercrombie & Fitch) ซึ่งนอกจากจะน่าดึงดูดสายตาแล้ว ยังโชว์เสื้อผ้าของแบรนด์บนเรือนร่างไปในตัวด้วย

รวมร่างไอเดีย

นี่คือเทคนิคที่ให้สมาชิกทีมช่วยกัน “เติมคำในช่องว่าง” ดังนี้

  1. ไอเดียเหมือน…
  2. เพราะ…
  3. ดังนั้น…

เช่น 

  1. ไอเดียเหมือน…เด็กทารกลูกตัวเอง
  2. เพราะ…ใครๆ ก็คิดว่าลูกตัวเองน่ารัก(ความจริงอาจไม่ใช่)
  3. ดังนั้น…อย่าอคติกับไอเดียตัวเองจนเกินไป
  1. ไอเดียเหมือน…ช็อกโกแลต
  2. เพราะ…เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ชอบ
  3. ดังนั้น…ต้องเสิร์ฟให้คนกินบ่อยๆ
  1. ไอเดียเหมือน…ใยแมงมุม
  2. เพราะ…มันแข็งแรงกว่าที่คุณคิด
  3. ดังนั้น…อย่ามองข้ามมันไปเด็ดขาด
  1. ไอเดียเหมือน…วาฟเฟิล
  2. เพราะ…มันอร่อยที่สุดตอนร้อนๆ
  3. ดังนั้น…ต้องคิดไอเดียให้สดใหม่อยู่เสมอ(ไม่ยึดติด)

การรวมร่างไอเดีย(ที่ภายนอกดูแปลกพิสดาร)เข้าด้วยกัน คุณอาจพบว่ามันเป็นไอเดียที่น่าสนใจกว่าที่คิด ได้ฉุกคิดเรื่องต่างๆ หรือนำไปสู่ไอเดียใหม่ๆ ที่มองข้ามมาตลอด

จากตัวอย่าง Workshop สุดครีเอทีฟเหล่านี้ เราจะพบว่า…แม้เราอาจไม่ใช่คนมีหัวครีเอทีฟแต่กำเนิด แต่ถ้ารู้จักใช้กลไกและการระดมสมองกับทีมช่วยกันคิดแบบมีกึ๋น ไอเดียครีเอทีฟสุดบรรเจิดก็เกิดขึ้นได้แน่นอน!

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง