Richsplaining คิดว่ารวยกว่าแล้วจะพูดอะไรก็ได้หรือ?!!

Richsplaining คิดว่ารวยกว่าแล้วจะพูดอะไรก็ได้หรือ?!!
  • ข้าวของแพง แต่ยังเจียดเงินซื้อเครื่องสำอางอีกเหรอ?!!
  • เงินเดือนน้อย แต่ถอยรถแล้ว ชอบเป็นหนี้เหรอ?!!
  • เอาเงินค่ากาแฟเป็น 100 ไปลงทุนในหุ้นดีกว่าไหม?!!

ถ้าคุณเจอคนพูดแบบนี้ใส่หน้า ระวังให้ดี…คุณอาจเจอกับ “Richsplaining” เข้าให้แล้ว!!

Richsplaining – รวยกว่าแต่ใช่ว่าจะพูดอะไรก็ได้!!

Richsplaining คือคำศัพท์ไม่เป็นทางการที่พลิกแพลงมาจาก “Rich” กับ “Explain” ใช้สื่อถึง คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและมีความมั่นคงทางการเงินสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนทั่วไป(หลายเท่าตัว) แต่กลับมีจริตชอบเที่ยวไปแนะนำเชิงเลคเชอร์ “สั่งสอน” ผู้อื่น ทั้งในแง่การทำงานและการใช้ชีวิต

  • น้ำมันแพง เงินเฟ้อพุ่ง แล้วยังจะซื้อเครื่องสำอางอีกเหรอ?!!
  • เงินเดือนไม่ได้สูง แต่ออกรถแล้ว ชอบเป็นหนี้เหรอ?!!
A person in a suit in front of a large crowd

Description automatically generated with low confidence

คือเป็นคำชี้แนะประเภทที่เมื่อฟังจบแล้ว “ไม่นำไปสู่อะไร” ไม่ได้กำลังใจเพิ่มขึ้น ไม่เห็นหนทางแก้ปัญหา หนำซ้ำ ยังรู้สึก “ถูกทอดทิ้ง” ราวกับไม่มีใครเข้าใจคุณบ้างเลย

รู้ได้ยังไงว่าเจอ Richsplaining เข้าให้แล้ว? 

ข้อสังเกตคือ คนที่มีพฤติกรรม Richsplaining จะมาพร้อมอีโก้ที่สูงลิบ มุมมองคับแคบ และทัศนคติเชิงเหยียดในตัวเอง เพราะการที่คุณเที่ยวไปสั่งสอนชีวิตคนอื่นโดยไม่รู้บริบทหรือข้อจำกัดที่แสนแตกต่างกันเหลือเกิน คุณต้องมีอีโก้มั่นใจในตัวเองสูง ยึดความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เกิดคำตัดสินพิพากษาขึ้นในใจคุณล่วงหน้าไปแล้วว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนอย่างไร 

A picture containing person, indoor, group, conference room

Description automatically generated

คนกลุ่มนี้ขาดความ “เข้าอกเข้าใจ” (Empathy) ผู้อื่นอย่างรุนแรง เพราะยึดตัวเองเป็นบรรทัดฐาน และไม่สนใจปัญหาโครงสร้างเชิง “ระบบ” แต่อย่างใด แต่มองทุกอย่างเป็นศักยภาพแบบปัจเจกชน

จากตัวอย่างเมื่อกี้ “เครื่องสำอาง” สำหรับใครหลายคนเป็นของจำเป็น (Essentials) ที่ชีวิตต้องมี การประหยัดลดงบประมาณเกิดขึ้นได้กับสิ่งของอื่น แต่เกิดขึ้นกับเครื่องสำอางไม่ได้ 

Diagram

Description automatically generated

หรือการที่คนเรา “ซื้อรถ” โดยที่เงินเดือนยังไม่สูงนัก บางทีอาจเป็นความจำเป็นในชีวิตที่ต้องมี เมื่อคำนวณการเดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว อาจคุ้มค่ากว่าเดินทางด้วยวิธีอื่น แถมยังเป็นเครื่องมือที่ไว้ใช้ทำมาหากินเสริมได้ด้วย

Richsplaining เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ “ประสบการณ์ชีวิตตัวเอง”

ถ้าคนๆ หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการเริ่มต้นจาก “ไม่มีอะไรเลย” ต้องรับจ้างทำงานแบกหามแต่เด็ก ไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารหลังเลิกเรียน ต้องทำงานกะดึกเพิ่มในวัยทำงาน ประหยัดอดออมทุกสตางค์ ตัดทิ้งของหรูหราฟุ้งเฟ้อทั้งหมด

ถ้าในบั้นปลาย คนๆ นี้ประสบความสำเร็จขึ้นมาและให้เค้าไปชี้แนะการทำงานและใช้ชีวิตแก่ผู้อื่น ก็คงบอกให้ “ประหยัด อดทน ขยันทำงานหนัก“ ส่วนใครที่ไม่เข้าข่ายข้อเหล่านี้ ก็คงถูกมองว่าไม่เอาไหน ซึ่งเป็นการตัดสินที่ไม่ได้ดู “บริบท” และจังหวะชีวิต (รวมถึงดวง) ของแต่บุคคลเลย

A person using a computer

Description automatically generated with medium confidence

ในความจริงแล้ว เป็นไปได้ไหมว่า คนอื่นที่ปฏิบัติตามเค้าทุกอย่างแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพราะดันเกิดในประเทศที่มีสงครามอยู่ตลอด หรือมีกลุ่มทุนผูกขาดธุรกิจบางประเภท หรือขยันใช้แรงงานแค่ไหนก็เก็บเงินก้อนไม่ได้เพราะระบบค่าแรงขั้นต่ำไม่เป็นธรรม หรือประหยัดอดออมแค่ไหนก็สู้เงินเฟ้อที่สูงไม่ได้เพราะรัฐบาลบริหารผิดพลาด 

เราจะเห็นว่า มันมีรายละเอียดยิบย่อยทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ที่ทำให้ชีวิตสองคนมีบริบทที่แตกต่างกันจนไม่สามารนำมาเทียบกันได้ด้วยซ้ำ

ทำไมองค์กรต้องพึงระวัง?

Richsplaining มาเกี่ยวข้องกับการทำงานในองค์กรก็เพราะ คนกลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มคนที่มี “ตำแหน่ง” สูงระดับหนึ่ง มี “อำนาจตัดสินใจ” เรื่องสำคัญ มีลูกน้องเยอะที่สร้างผลกระทบบางอย่างได้จากการดีดนิ้วออกคำสั่ง

หรือในแง่รายละเอียดการทำงานจริงๆ พวกเค้าอาจทำตัวเป็นผู้บริหารระดับสูงที่อยู่บน “ยอดหอคอย” มีวิสัยทัศน์ที่ชวนเพ้อฝันโดยไม่เคยมองเลยว่า แล้วระดับปฏิบัติการ “มดงาน” จริงๆ ต้องยากเข็ญประสบพบเจออะไรบ้าง

เรื่องนี้ยังพัวพันโดยตรงไปถึงสภาพแวดล้อมการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร หรือแค่ความสุขในการมาทำงานของพนักงาน เพราะ Richsplaining จัดว่าเป็นกลุ่มคน “Toxic” ขั้นรุนแรง

A picture containing person, person

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/3yJ2qJW

นอกจากนี้ ยังสะท้อนไปถึงการ “สื่อสารและภาพลักษณ์” องค์กรด้วยที่ต้องไม่ทำให้เกิดความรู้สึก Richsplaining ในหมู่กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เราต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว คำคมไลฟ์โค้ชที่รุ่งเรืองเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถ้าเอามาใช้ในยุคนี้อาจโดนกระแสตีกลับได้ง่ายๆ

ตัวอย่างที่พิสูจน์ได้ดีคือ โปรเจคท์หนังสั้นถอดรหัสลับคนรวยอย่าง “แวน ธิติพงษ์” ที่ประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน ได้ใจผู้ชมจากการสื่อสารตรงๆ ว่า สาเหตุที่ประสบความสำเร็จเพราะ “บ้านรวย” มีพื้นฐานกิจการที่สร้างมาครบหมดแล้ว ตนเองแค่เข้ามาสานต่อ เป็นคำตอบที่อยู่ขั้วตรงข้ามจากสิ่งที่มักได้ยินมา

เราต้องเตือนสติตัวเอง พึงระวัง Richsplaining ไว้ให้ดี เพราะยุคสมัยใหม่ ผู้คนไม่ซื้อชุดความคิดแบบนี้อีกต่อไป

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง