- มนุษย์วิวัฒนาการมาร่วมล้านปี
- กระแสไฟฟ้าแบบสลับ คือคำตอบของทุกครัวเรือน
- นวนิยายสยองขวัญชวนลึกลับจะอยู่คู่กับคนไปอีกนาน
- GDP มีข้อบกพร่อง มันไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตคน
เชื่อหรือไม่ว่า แนวคิดเหล่านี้ถูกคิดค้นโดยผู้มีวิสัยทัศน์เมื่อนานมาแล้ว แต่กลับ “ถูกปฏิเสธ” อย่างสิ้นเชิงจากสังคม ณ เวลานั้น
แต่ปัจจุบัน กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเค้า “คิดถูก” ผู้คนจำนวนมากยอมรับในแนวคิดนี้แล้ว
ผู้มีวิสัยทัศน์เหล่านั้นเปรียบเสมือน “ผู้มาก่อนกาล”
แล้วพวกเค้ามีใครบ้าง? ตามไปดูกัน
Nicola Tesla (1856-1943)
Image Cr. bit.ly/2XdtdyR
ยุคนั้น สหรัฐอเมริกา(และโลก) ยังอยู่ในช่วงเริ่มวางโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านไฟฟ้า ซึ่งมี 2 ตัวเลือกหลักได้แก่
- ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้รับการสนับสนุนโดย Thomas Edison ซึ่งมีชื่อเสียง มีเครือข่ายความสัมพันธ์กับนักธุรกิจใหญ่ และมีฐานผู้ศรัทธาในตัวมหาศาล
- ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ได้รับการสนับสนุนโดย Nicola Tesla ที่ตอนนั้นแทบไม่มีใครรู้จักเขาเลย เป็นคนโนเนม โลว์โปรไฟล์
แน่นอน ทุกคนต่างเทใจไปที่ชายมากเสน่ห์อย่าง Thomas Edison
แต่สุดท้าย Nicola Tesla สามารถประดิษฐ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงโดยที่ยังคงราคาต่ำได้สำเร็จ และแม้แต่เอดิสันก็ยอมรับในศักยภาพ
Image Cr. bit.ly/3s6zDLF
Nicola Tesla เป็นนักประดิษฐ์ที่ครอบครองสิทธิบัตรถึง 300 ใบ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยมีหัวทางธุรกิจ ไม่มีเซนส์ทางการตลาด โน้มน้าวใครไม่เก่ง องค์ความรู้ของเขาตอนที่ยังมีชีวิตยังไม่ได้ถูกต่อยอดคิดค้นออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างที่ควรจะเป็น (ไม่เหมือน Thomas Edison ซึ่งก่อตั้งบริษัทที่ต่อมาได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ General Electric)
แม้ Nicola Tesla จะมีผลงานความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ถูกให้เครดิตเลย สาธารณชนยังไม่รู้จัก สปอตไลท์ส่องแสงไปแค่ Thomas Edison ในตำราหนังสือเรียนทั่วโลกจะมีแค่ชื่อ Thomas Edison แต่ไม่มี Nicola Tesla
ทั้งๆ ที่ Nicola Tesla ค้นพบพื้นฐานองค์ความรู้มากมายที่ต่อมาถูกพัฒนาไปเป็น ทรานซิสเตอร์ / วิทยุ / เรดาร์ / เลเซอร์ / เอ็กซ์เรย์ / รีโมต / หุ่นยนต์ / ไฟฟ้ากระแสสลับ AC…ซึ่งมีอิทธิพลต่อทุกครัวเรือนทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
Charles Darwin (1809-1882)
Image Cr. bit.ly/3xyJlHK
ในหนังสือของเขา “On the Origin of Species” ที่ตีพิมพ์ในปี 1859 เขาได้นำเสนอทฤษฎีวิวัฒนาการ (Theory of Evolution) ที่ว่ามนุษย์ค่อยๆ พัฒนามาจากสัตว์อื่น โดยพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับเราที่สุดคือ ลิง
ทฤษฎีของเขาไม่ได้คิดวิเคราะห์ขึ้นเอง แต่เกิดจากการเก็บรวบรวมหลักฐานมายืนยันความคิดทุกอย่าง Charles Darwin มักเป็นหนึ่งในลูกเรือของกองทัพเรือจักรวรรดิอังกฤษที่ออกไปสำรวจโลก(และล่าอาณานิคม) อยู่เสมอ เขาจึงมีหลักฐานที่มากพอจากทั่วโลกมาสนับสนุนทฤษฎีนี้
เรียกว่ากระบวนการเป็นไปตามขั้นตอน “วิทยาศาสตร์” ทุกอย่าง
Image Cr. bit.ly/3iyoKPm
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกเขาถูกปฏิเสธจากสังคมและถึงกับถูกตีตราว่าร้ายว่าเป็นพวกนอกรีต เพราะการเชื่อว่ามนุษย์พัฒนามาจากสัตว์ นั่นคือการ “ปฏิเสธพระเจ้า” ไปโดยปริยาย และยุคนั้น ใครไม่เชื่อฟังศรัทธาในพระเจ้า แทบจะมีความผิดจนไม่มีที่ยืนในสังคม (คริสตจักรมีอำนาจสูงมาก)
ต้องรออีกเกือบศตวรรษต่อมา ก่อนที่ทฤษฎีนี้จะเป็นยอมรับแพร่หลายในวงการวิทยาศาสตร์ จนสุดท้ายถูกบรรจุอยู่ในระบบการศึกษาทั่วโลก
Stephen King (1947-Present)
Image Cr. bit.ly/3Asidfh
เจ้าพ่อหนังสยองขวัญระดับโลกคนนี้ เคยถูกปฏิเสธต้นฉบับมาแล้วกว่า 30 ครั้งก่อนที่จะได้ตีพิมพ์…30 ครั้งเป็นจำนวนที่มหาศาล และแทบจินตนาการไม่ออกว่าเค้าต้องรู้สึกผิดหวังมากเพียงใด
อีกทั้งต้นฉบับบางเรื่องของเขายังเคยถูกขยำปาทิ้งลงถังขยะจากบางสำนักพิมพ์มาแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ยิ่งเสียดแทงใจเข้าไปอีก
ส่วนหนึ่งเพราะโลกพึ่งฟื้นตัวจากสงครามโลก ผู้คนคาดหวังแต่สิ่งที่ดีกว่า มองโลกในแง่ดี ละทิ้งสิ่งร้ายๆ เพื่อไปหาแสงสว่าง…แนวทางที่ Stephen King ชำนาญอย่างสยองขวัญ-ลึกลับ (Horror & Mystery) อาจยังไม่ถูกจริตผู้คน ณ ตอนนั้น
แต่เขาเป็นคนมีจินตนาการ มีลีลาการดำเนินเรื่อง และความสยองขวัญที่เล่นกับจิตวิทยามนุษย์…เขารู้ว่าท้ายที่สุด ผู้คนต้องเปิดใจรับและชื่นชอบ
หลังถูกปฏิเสธไป 30 (กว่า)ครั้ง ในที่สุดนวนิยายเรื่องแรกของเขา Carrie ก็ถูกตีพิมพ์ในปี 1974 และขายไปได้กว่า 1 ล้านเล่มภายใน 1 ปี!!
Image Cr. amzn.to/3lLALmJ
ปัจจุบันผลงานของ Stephen King ได้รับการเผยแพร่ในหลากหลายรูปแบบ (เช่น ถูกนำไปสร้างหนัง และ ถูกนำไปขึ้นบน Netflix) เฉพาะนวนิยายขายไปแล้วกว่า 70 เรื่อง ถูกตีพิมพ์ซ้ำกว่า 350 ล้านฉบับ และเขามีทรัพย์สินรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท
John Maynard Keynes (1883-1946)
Image Cr. bit.ly/3iAiK8Y
ตัวเลข GDP ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า John Maynard Keynes ในทศวรรษ 1930s
เดิม เขาถูกขอความช่วยเหลือจากทางการสหรัฐอเมริกา ให้ช่วยคิดค้นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเพื่อใช้แก้ปัญหาวิกฤติ The Great Depression ในยุคนั้น ซึ่งผลลัพธ์คือ GDP
แต่ Keynes “เตือน” อย่างหนักแน่นตั้งแต่แรกว่า GDP มันเป็นแค่ตัวเลขวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่มันไม่ได้บอกว่าเงินตรงนี้ไปเข้ากระเป๋าใคร หรือไม่ได้สะท้อน “คุณภาพชีวิต” ที่แท้จริง
- ถ้าคุณตัดไม้ทำลายป่าจนเกิดน้ำท่วม…GDP เพิ่ม
- ถ้าคุณตั้งโรงงานไร้มาตรฐานจนเกิดมลพิษทางอากาศ…GDP เพิ่ม
- แต่ถ้าคุณเป็นแม่บ้านเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา…GDP ไม่เพิ่ม
ในช่วงแรก คำเตือนของเขายังถูกนำไปใช้อยู่ แต่พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเลข GDP ถูกนำมาใช้สูงสุดเพื่อจะได้แบ่งสรรงบประมาณได้ถูกต้อง คำเตือนของ Keynes ถูกปัดทิ้งโดยสิ้นเชิง
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ GDP ขึ้นแท่นเป็นตัวชี้นำของประเทศ และแพร่หลายเป็นมาตรฐานไปทั่วโลกในทศวรรษ 1960s เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
แต่หลายทศวรรษให้หลัง ผู้คนรับรู้แล้วว่า “GDP ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง”
ประชาชนในประเทศสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้โดยไม่จำเป็นต้องมี GDP สูงลิบเสมอไป ตัวอย่างเช่น ยุโรปมีคะแนนดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index) สูงกว่าสหรัฐอเมริกาใน “ทุกด้าน” ทั้งๆ ที่มี GDP ต่อหัว น้อยกว่า 40% (และอัตราการปล่อยมลพิษต่อหัว น้อยกว่า 60%)
- ปี 2019 นายกฯ New Zealand ประกาศว่าจะไม่ใช้ GDP เป็นตัวชี้นำการพัฒนาประเทศอีกต่อไป
- กลุ่มประเทศร่ำรวย (OECD) ได้เสนอ “Better Life Index” ซึ่งจะพิจารณามิติอื่นของชีวิตมากขึ้น เช่น สุขภาพ / ความสัมพันธ์กับสังคม / สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
เรื่องนี้สอนอะไรเรา?
อุดมการณ์
ผู้มาก่อนกาลไม่ได้แค่เชื่อในสิ่งที่ทำ แต่ยึดถือมันในระดับ “อุดมการณ์” เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตก็ว่าได้ แม้จะถูกปฏิเสธในตอนแรก แม้โลกจะเมินหน้าหนีตลอดช่วงชีวิตของเค้า แต่อุดมการณ์ไม่สั่นคลอน กลับยึดมั่นแข็งแรงกว่าเดิม และเป็นคนรุ่นหลังเช่นพวกเราที่ได้รับอานิสงส์ไป
จังหวะเวลา
”Doing the right things at the right time.” คำนี้สะท้อนว่า แม้พวกเค้าทุกคนจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ทำในจังหวะเวลาที่เหมาะสม (มาก่อนกาล) ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพวกเค้าเลย แต่เป็นบริบทสังคมหรือความพร้อมของเทคโนโลยีในยุคนั้นต่างหาก
กรณีของ Charles Darwin ยุคนั้นผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าสร้างสรรพสิ่ง โลกเชื่อแบบนี้มานานหลายร้อยปี แม้ความจริงจะปรากฎว่าอาจไม่ใช่ และ มีคำอธิบายทางชีววิทยาสนับสนุนชัดเจน…ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะ “ละทิ้ง” สิ่งที่เคยเชื่อนับถือไปทันที แต่อาจต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition) จนไปถึงรอคอยให้คนเจเนอเรชั่นเก่าให้จากไป เพื่อที่คนรุ่นใหม่จะมาแทน
และเพราะมนุษย์ “กลัวความไม่รู้” จึงทำให้องค์ความรู้บางอย่างที่ปฏิวัติวงการ เช่น ทฤษฎีวิวัฒนาการของ Charles Darwin จึงมาทำให้มนุษย์ยิ่งหวาดกลัวกว่าเดิม (และกระทบกับฐานอำนาจเดิม เช่น สภาคริสตจักร)
กรณีของ John Maynard Keynes เพราะโลกดันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงหันมาใช้ตัวเลข GDP อย่างเลี่ยงไม่ได้ และเพราะอเมริกาที่เป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้ ได้ขึ้นเป็นเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียวในยุคนั้น GDP จึงขึ้นเป็นเจ้าโลกแห่งการคำนวณทางเศรษฐกิจไปด้วย และไม่มีแนวคิดใหม่อื่นๆ ที่จะต้านทานได้อีกต่อไป
ถ้าตอนนี้คุณกำลังมีความคิดสร้างสรรค์อันล้ำหน้า กำลังทำสิ่งหนึ่งที่คุณเชื่อมั่นและคิดวิเคราะห์รอบด้านแล้วว่ามัน “เวิร์ค” ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนได้จริง ช่วยให้โลกเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้ได้จริง
แม้จะถูกสังคมเพิกเฉย ถูกตีตราว่าร้าย ไม่มีใครเห็นคุณค่าเลยก็ตาม…ไม่เป็นไร ขอให้อดทนไว้ เดินหน้าต่อไป ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อไป
…แล้ววันหนึ่ง โลกจะกลับมาขอบคุณคุณเอง
.
ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com
ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/
Original Image Cr. bit.ly/2XdtdyR
อ้างอิง
- https://meroli.web.cern.ch/lecture_nikola_tesla.html#:~:text=Nikola%20Tesla%20was%20a%20visionary,of%20humanity%20with%20his%20inventions.&text=Tesla%20is%20according%20to%20them,well%20as%20the%20alternating%20current.
- https://www.britannica.com/biography/Charles-Darwin
- https://www.writingroutines.com/renowned-writers-on-overcoming-rejection/
- https://www.investopedia.com/terms/k/keynesianeconomics.asp
- https://www.forbes.com/sites/johnmauldin/2014/07/20/376/?sh=3f8fa59813f8
- https://www.economist.com/briefing/2020/07/25/the-covid-19-pandemic-is-forcing-a-rethink-in-macroeconomics