เคย Fail ไหม? คิดว่าตัวเอง “รู้ดี” จึงอาสารับผิดชอบโปรเจคท์แล้วมั่นอกมั่นใจ (+มั่นหน้า) ในความคิดและการตัดสินใจเกินไป แต่สุดท้าย…พบว่าตัวเองไร้เดียงสา รับมือปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ และทำให้โปรเจคท์ล้มเหลวในที่สุด
บริษัทขาดทุน คู่แข่งแซงหน้า ทีมเสียกำลังใจ ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ตัวเองก็เสื่อมเสีย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Dunning-Kruger Effect”
Dunning-Kruger Effect คนธรรมดาที่คิดว่าเก่ง
David Dunning และ Justin Kruger 2 นักจิตวิทยาจาก Cornell University และเป็นผู้นิยามทฤษฎีนี้ (ที่มาของชื่อ) ได้สรุปสั้นๆ ว่า มันคือภาวะที่
“คนกลางๆ ธรรมดาที่ดันเชื่อสนิทใจว่าตัวเองเก่งจริง”
ประเมินค่าความรู้-ความสามารถของตัวเองสูงเกินไป จนวิเคราะห์สิ่งต่างๆ บิดเบือนไปจากความจริง มองข้ามความเสี่ยงที่ซ่อนเร้น
(อยู่ขั้วตรงข้ามของ “Imposter Syndrome” คนเก่งจริงที่รู้สึกว่าตัวเองยังเก่งไม่พอ)
ทั้งคู่อธิบายว่า ระดับของการ “รับรู้” ว่าตัวเองรู้มีหลายขั้นตอน
- เรื่องที่ไม่รู้อะไรเลย ว่างเปล่าสนิท…เราจะตระหนักดีว่าตัวเองไม่รู้
- พอเริ่มรู้พื้นฐานขึ้นมานิดหน่อย…เราจะเริ่มมโนทึกทักไปเองว่าตัวเองเก่ง
- แต่พอรู้แอดวานซ์ขึ้นไปอีก…เราจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งรู้น้อย ความมั่นใจลดลง
- สุดท้าย ศึกษาพัฒนาตัวเองจนรู้ลึกเชี่ยวชาญ…เราจะรู้สึกพอใจกับความรู้และกลับมามั่นใจ
Dunning-Kruger Effect คือคนใน “ข้อ 2” ที่คิดว่าตัวเองอยู่ “ข้อ 4” นั่นเอง
Dunning-Kruger Effect เกิดกับใครได้บ้าง?
Project เฉพาะกิจที่เป็นแบบ “Dream Team” เกิดจากคนเก่งต่างสาขาจับมารวมกัน เพื่อทำภารกิจสั้นๆ นั้นให้สำเร็จ…มีโอกาสสูงที่จะเกิด เพราะแต่ละคนเป็นตัวท็อปในวงการตัวเอง มีแนวโน้มบลัฟกันเอง หรือเอาประสบการณ์ที่มีมาใช้เป็นบรรทัดฐาน
อย่างไรก็ตาม ที่ต้องระวังคือ Dunning-Kruger Effect ยังมีโอกาสเกิดกับ “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้เช่นนั้น เพราะเหล่าผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะวงการไหนๆ ทั้งการเงิน / การตลาด / นักวิจัย / ผู้บริหาร มีแนวโน้มติดกับดักชื่อเสียงตำแหน่ง (Title) ของตัวเอง คิดว่าจบด็อกเตอร์ต้องเก่งกว่าคนทั่วไป หรือยึดติดกับทฤษฎีเกินไป
ยิ่งมีประสบการณ์-ผลงานมากเท่าไร ยิ่งมีโอกาสเกิด(ตกหลุมพราง) มากเท่านั้น
นอกจากนี้ Dunning-Kruger Effect จะเกิดขึ้นใน “ผู้ชาย” มากกว่าผู้หญิงแบบชัดเจน
จากวิวัฒนาการทางด้านชีววิทยาและสังคม ผู้ชายถูกคาดหวังให้ต้องกล้าแสดงออกอย่างมั่นใจเพื่อสร้างความไว้วางใจและแรงสนับสนุนจากผู้อื่น
แม้แต่ในวงการพัฒนาตัวเอง (Self-help industry) วลีหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับกันคือ ”Fake It Until You Make It!” แม้ในใจลึกๆ คุณจะไม่มั่นใจ แต่ขอให้ตีเนียนเสมือนว่าคุณมั่นใจ-คุณรู้จริงไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็มีโอกาสเจอเข้ากับตัวได้ทั้งนั้น เพราะ Dunning-Kruger Effect อาจเป็นส่วนหนึ่งของการ “เติบโต”
กล่าวคือ ช่วงชีวิตหนึ่งของการทำงานเราอาจต้องผ่านหรือสัมผัสจุดนี้มาด้วยกันทั้งนั้น
- ก่อนจะรู้ ต้องเคยไม่รู้มาก่อน
- ก่อนไม่รู้ ต้องเคยคิดว่ารู้มาก่อน
จะไปข้อ 4 ได้…ต้องผ่านข้อ 2 เสียก่อน
Dunning-Kruger Effect ในเรื่องต่างๆ
อภิมหาโปรเจคท์ใหญ่ทั่วโลก “เกือบทั้งหมด” ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า-แพงกว่า ที่วางแผนไว้แต่แรก เช่น
- Opera House ที่ออสเตรเลีย
- สนามแข่งขันโอลิมปิก ที่บราซิล
- สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เมืองไทย
นักลงทุนมือใหม่ในตลาดหุ้น ที่มีประวัติช้อนทำกำไรได้ประปราย มักจะเริ่มคิดว่าตลาดหุ้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และ ตัวเองก็แววเฉิดฉายในวงการได้ไม่ยาก…ก่อนจะพบกับความจริงอันโหดร้ายว่า ตลาดหุ้นมีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้เต็มไปหมด
- 84% ของหนุ่มฝรั่งเศสที่ถูกสำรวจ คิดว่าตัวเองเป็น “นักจูบ” อันดูดดื่มกว่า (เพราะวัฒนธรรมป็อปสร้างภาพลักษณ์มาแบบนี้)
- 93% ของนักศึกษาชาวอเมริกันที่ถูกสำรวจ คิดว่าตัวเอง “ขับรถ” ได้เก่งกว่าคนอื่นทั่วไปบนท้องถนน (ทั้งๆ ที่หลายคนพึ่งหัดขับรถได้ไม่กี่ปีเอง)
- วิศวกรจบใหม่ชาวเยอรมัน มักคิดว่าตัวเองเก่งด้าน “ยานยนต์” กว่าวิศวกรจบใหม่ชาติอื่น ทั้งๆ ที่ก็ร่ำเรียนมาตรฐานตำราเดียวกัน
- ผู้สนับสนุน Donald Trump คิดว่าชนะการ “เลือกตั้ง” แน่นอน แต่ผลพลิกล็อค Joe Biden พลิกกลับมานำแซงหน้าในที่สุด จากคะแนนนับที่คนเลือกตั้งมาทางไปรษณีย์ (เพราะคนกลัวโควิด-19)
- ร้านอาหารเปิดใหม่ไฟแรงที่มั่นใจในฝีมือตัวเองและคิดว่าไม่ข้าก็เร็วต้องได้ “ดาวมิชลิน” แน่นอน แต่ปรากฎว่าเจ๊งภายใน 3 ปี
ป้องกัน Dunning-Kruger Effect ได้อย่างไร?
ในการวางแผนอะไรก็ตาม ให้เผื่อสำหรับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดฝัน (Pessimist scenarios) และจัดอันดับความสำคัญให้เป็นหนึ่งในแผนสำรองหลัก จะช่วยให้มองโลกตามความเป็นจริงได้ทะลุปรุโปร่งขึ้น
นิยามตัวเองในแบบเป็นกลางหรือ “ถ่อมตน” ลงมา เพื่อป้องกันตัวเองจากตำแหน่งเกียรติยศที่ครอบครองอยู่ เช่น
- จาก “ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวยุโรป” เป็น “นักถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรมยุโรป”
- จาก “Chief Marketing Officer” เป็น “Chief Possible Officer”
ทำตัวเป็น “น้ำไม่เต็มแก้ว” พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ ซึ่งสอดคล้องกับโลกยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลงเร็วชนิดตามไม่ทัน มีสิ่งใหม่มาแทนที่สิ่งเก่าทุกปีในหลายวงการ
- ปีที่แล้วโง่ ปีนี้ฉลาด ปีหน้าอาจจะกลับไปโง่อีกก็ได้…ต้องเรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เรื่องนี้อาจไม่ยากอย่างที่คิด เพราะเดิมทีคุณอาจคิดว่าตัวเอง I know everything. ก็ให้เพิ่มเป็น I (may not) know everything. เท่านี้มุมมองความคิดเราก็เปลี่ยนไปแล้ว
.
ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com
ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/
อ้างอิง
- https://thedecisionlab.com/biases/dunning-kruger-effect/
- https://fourweekmba.com/dunning-kruger-effect/#:~:text=The%20Dunning%2DKruger%20effect%20can,of%20many%20new%20entrepreneurial%20companies.
- https://www.forbes.com/sites/markmurphy/2017/01/24/the-dunning-kruger-effect-shows-why-some-people-think-theyre-great-even-when-their-work-is-terrible/?sh=495e3bd25d7c