- ตั้งแคมป์รอ 1 คืนหน้า Apple Store เพื่อรอ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด
- เปลี่ยนงานใหม่ทุกๆ ปี
- มีแฟนแล้ว แต่อยากหาคนใหม่ไว้คุยเล่น
- Café Hopper เปลี่ยนร้านนั่งชิลไปเรื่อยๆ ไม่เคยซ้ำกัน
เหล่านี้คือปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “Neomania” ซึ่งถ้าเกินเลยจุดที่พอดี มีแต่จะส่งผลร้ายย้อนกลับมาหาตัวเรา
Neomania: ทำไมคนเราคลั่งไคล้ของใหม่
Neomania คือภาวะทางจิตวิทยาที่ว่า คนเรารู้สึกดี ตื่นเต้น มีความหวัง มีความสุขกับอะไรก็ตามที่เป็น “ของใหม่” (Novelty) ในทุกเรื่องจนเกินเลยจุดที่พอดี
การชื่นชอบของใหม่ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่ภาวะ Neomania มักชอบแบบไม่ลืมหูลืมตา ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนถึงขนาดคลั่งไคล้ ให้ความสำคัญกับความสดใหม่ มากกว่า ฟังก์ชั่นการใช้งานหรือผลประโยชน์ที่ตัวเองได้รับด้วยซ้ำ
…ซึ่งนำไปสู่อคติส่วนตัว ความไม่คุ้มค่า ไม่สมเหตุสมผล และการตัดสินใจที่ผิดพลาดในที่สุด
กลไกที่กระตุ้น Neomania
ก่อนอื่น จริตในการชื่นชอบสิ่งใหม่ถูกโปรแกรมอยู่ในพันธุกรรมมนุษย์ทั่วโลกไม่ว่าจะเชื้อชาติ เพศ อายุ วัฒนธรรมไหนก็ตาม
ตั้งแต่สมัยโบราณ มนุษย์จะมีสัญชาตญาณในการจับ (Detect) สิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาในสภาพแวดล้อม ซึ่งจำเป็นต่อการอยู่รอด
- สัตว์ชนิดใหม่ที่เข้ามา (ดุร้ายจนต้องหลบซ่อน หรือ ล่าเป็นอาหารได้)
- เห็ดชนิดใหม่ที่พบเจอ (มีพิษ หรือ รับประทานได้)
นอกจากนี้ มนุษย์มักไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี และมองหาเป้าหมายใหม่ไว้พุ่งชนเสมอ เรามักคิดว่าเมื่อเราไปถึงจุดนั้นแล้ว-ได้ครอบครองสิ่งหนึ่งแล้ว…เราจะมีความสุข ทุกอย่าง Happy Ending แต่ความจริงคือ เมื่อเราไปถึงจุดนั้นแล้ว จะมีแฮปปี้ได้ไม่นาน ก่อนรู้สึกอยากหา “จุดใหม่” (สินค้าใหม่-เป้าหมายใหม่) เพื่อไปให้ถึง…เริ่มต้นวนลูปเดิม
อย่างไรก็ตาม กลไกด้านชีววิทยาก็ว่าสำคัญแล้ว แต่มันยังถูกเร่งและชักจูงอยู่ตลอดเวลาเข้าไปอีกด้วยระบบทุนนิยมในโลกปัจจุบัน ที่สินค้าจะถูกวางแผนออกแบบมาให้ หมดอายุขัยก่อนที่ควรจะเป็น (Planned Obsolescence) เพื่อที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ ขายรอบใหม่ และทำเงินได้มากขึ้น
iPhone คือตัวอย่างที่ชัดเจน อันที่จริง หากวิศวกรของ Apple จะผลิตมือถือที่คงทนใช้ได้นานนับทศวรรษก็ย่อมได้ แต่เราจะเห็นว่า พอใช้ iPhone ไปได้อย่างมาก 4-5 ปี ตัวมือถือจะเริ่มเสื่อม ทำงานช้าลง รวมถึงกลไกที่บังคับให้อัพเดท iOS (ถ้ารุ่นเก่าเกินจะอัพเดทไม่ได้แล้ว) ผู้ใช้งานไม่มีทางเลือกจึงต้องทิ้งแล้วซื้อรุ่นใหม่ (ที่ออกมาทุกปี)
ทุนนิยม ถูกออกแบบมาให้ “ผลิตของใหม่” อยู่ตลอดเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ของดีที่เราใช้อยู่…ส่วนใหญ่มาจากของเก่า
เราลองมาสำรวจนวัตกรรมรอบตัวในชีวิตประจำวันกัน แล้วจะพบว่าหลายอย่างเป็น “ของเก่า” สืบรากเหง้ากลับไปได้นานกว่าที่คุณคิด
- ส้อมที่เราใช้ เป็นนวัตกรรมจากยุคโรมันเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้ว
- เก้าอี้ที่เรานั่ง เป็นสิ่งประดิษฐ์จากยุคอียิปต์โบราณเมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว
- รองเท้าหนัง มีต้นกำเนิดมาจากมนุษย์ยุคน้ำแข็งมากกว่า 10,000 ปีที่แล้ว
50 ปีที่แล้ว หลังมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ ผู้คนต่างจินตนาการถึงโลกอนาคตว่า เมืองคงเต็มไปด้วย…
- รถยนต์บินได้
- ตึกสูงเสียดฟ้ารอบตัว
- ผู้คนแต่งตัวคล้ายชุดอวกาศสุดโมเดิร์น
- และกินยา ที่รวมสารอาหารทุกอย่างไว้ในเม็ดเดียวจบ
แต่ 50 ปีต่อมา หลายอย่างไม่ได้เป็นเช่นนั้น…ดังตัวอย่าง เช่น ยุโรป
- การขี่จักรยานอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนเมือง
- ตึกรามบ้านช่องเตี้ยๆ คลาสสิค (ตึกสูงกระจุกแค่ย่านธุรกิจ)
- ผู้คนใส่เสื้อยืดรองเท้าแตะในฤดูร้อน
- และกินขนมปังทาเนยเป็นอาหารเช้าเหมือนเช่นหลายร้อยปีที่แล้ว
ทุกสิ่งแทบจะกลับตาลปัตรจากที่จินตนาการ…
”ของเก่าถูกมองข้าม…ของใหม่ถูกยกยอเกินจริง” (ราวกับชีวิตนี้จะขาดมันไปไม่ได้อีกแล้ว)
ชีวิตของมนุษย์ในอนาคต จะยังคงมีรากฐานเหมือนเดิมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาร่างกายคนโดยตรง (เช่น เก้าอี้จะยังคงมีรูปทรงประมาณนี้ เพราะกระดูกสันหลังมนุษย์ถูกออกแบบมาอย่างนี้)
วิธีป้องกัน Neomania
อย่างแรก ต้อง “สอบสวน” ก่อนว่ามันคือของใหม่จริงๆ หรือไม่? หรือเป็นแค่ของเดิม แล้วเอามาปัดฝุ่นเล่นแร่แปรธาตุ และสร้างคำศัพท์ใหม่เท่ๆ จนออกมาดู “เหมือนใหม่” รึเปล่า?
การตั้ง “โควต้า” (Quota) จำกัดปริมาณการบริโภคของใหม่ ก็เป็นวิธีสร้างกฎเกณฑ์ให้ตัวเองที่น่าสนใจ เช่น
- ซื้อเสื้อใหม่ได้ไม่เกิน 1 ตัว/ไตรมาส
- ซื้อมือถือใหม่ได้ไม่เกิน 1 เครื่อง/ 3 ปี
นอกจากนี้ นักธุรกิจญี่ปุ่นคนหนึ่งแนะนำเทคนิค “อดกลั้นใจ” ที่ปรับใช้ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน (ภายใต้เงื่อนไขเดิม เช่น สินค้ายังมีจำหน่ายในท้องตลาดและราคาเท่าเดิม)
- ถ้าอยากได้ของใหม่…ให้รอไปก่อน 1 อาทิตย์
- ถ้า 1 อาทิตย์ผ่านไปแล้วยังอยากได้อยู่….ให้อดใจรอไปอีก 2-3 วัน
- เมื่อครบ 2-3 วันนั้นแล้วยังอยากได้อยู่ แสดงว่าคุณต้องการมันจริงๆ จงตัดสินใจซื้อซะ!!
- แต่ถ้า 2-3 วันนั้นผ่านไปแล้ว ความอยากได้มลายหายไปจนเฉยๆ แสดงว่าคุณไม่ได้ต้องการมันจริงๆ (และมันไม่ได้สำคัญกับคุณจริงๆ)
เพราะสุดท้ายแล้ว แก่นสารที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเองว่า “ต้องการ” มันจริงๆ หรือไม่?
ของใหม่นี้จะมาช่วยคุณประหยัดเวลา ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้จริงๆ หรือไม่?
หรือคุณเพียงตกเป็นเหยื่อการตลาด ตกหลุมพรางจิตใจตัวเองกันแน่?
บางที ของเก่าที่คุณมีอยู่…อาจจะดีพอแล้วก็ได้
.
ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com
ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/
Original Image Cr. bit.ly/2U3EyQG
อ้างอิง