CEO ยุคนี้ต้องเป็น Influencer ไปในตัวด้วย!

CEO ยุคนี้ต้องเป็น Influencer ไปในตัวด้วย!

มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Elon Musk ได้ทวีตข้อความชวนปธน.ปูตินแห่งรัสเซีย ให้มาร่วมพูดคุยกันในโซเชียลมีเดียน้องใหม่ที่มีชื่อว่า “Clubhouse” 

การทวีตนี้ลุกลามเป็น Viral ทันที พร้อมๆ กับการพูดถึงและทดลองใช้ Clubhouse ไปทั่วสหรัฐอเมริกา คลื่นความนิยม Clubhouse นี้ลามมายังญี่ปุ่น เกาหลี และจีนภายในไม่กี่วัน…ก่อนจะเข้าฝั่งประเทศไทยในอาทิตย์ต่อมา จนตอนนี้ (ณ วันที่เขียน 24 กุมภาพันธ์ 2021) คนไทยติด Clubhouse กันทั่วบ้านทั่วเมือง

Image Cr. bit.ly/3aM2r4M

ไม่น่าเชื่อว่าการทวีตเพียงข้อความเดียวจะสร้างผลกระทบได้มหาศาลขนาดนี้ และเปลี่ยนชะตากรรมอนาคตธุรกิจของ Clubhouse ไปตลอดกาล

เผลอๆ การที่ Elon Musk ทวีตข้อความ(และโพส Facebook) ซึ่งใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีและไม่มีต้นทุนมากมายอะไร สร้าง Impact ได้มากกว่าการที่แบรนด์ Clubhouse เองทุ่มงบการตลาดลงโฆษณามหาศาลเพื่อสร้างการรับรู้เสียอีก

นี่คือคุณงามความดีล่าสุดของการที่มี CEO เป็น (Mega) Influencer ในตัวเอง!

ทำไมยุคนี้ CEO ต้องทำตัวเป็น Influencer?

หากมองในภาพใหญ่ วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลกเป็นไปในลักษณะ “K-Shaped Recovery” 

Image Cr. bit.ly/2ZMRU2Z

คือ คนได้ยิ่งได้ ยอดขายเพิ่ม กำไรโตระเบิด กอบโกยได้มากในช่วงนี้…ขณะที่ คนเสียยิ่งเสีย ยอดขายหด ขาดทุนบาน ปลดคนงาน เตรียมตัวเลิกกิจการในช่วงนี้

  • บริษัท Apple ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมา 1 Trillion ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 21 สัปดาห์ของปี 2020 ช่วงโควิดระบาดหนัก
  • ขณะที่ ExxonMobil อดีตบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ประกาศขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี เนื่องมาจากความต้องการและราคาน้ำมันที่ตกต่ำจากผลกระทบของโควิด-19

“ยักษ์ใหญ่จะยิ่งใหญ่ขึ้น ขณะที่คนตัวเล็กมีแนวโน้มจะยิ่งเล็กลง”

ทุนนิยมไม่เคยปราณีใคร…

Scott Galloway อาจารย์ด้านการตลาดที่ New York University (คนนี้นักธุรกิจใหญ่ให้ความเคารพมาก) และผู้เขียนหนังสือที่กำลังได้รับความนิยมตอนนี้อย่าง Post Corona แนะนำว่า สิ่งที่ธุรกิจเล็ก-กลางพอทำได้ท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัด(มาก) คือ “Branding ที่แข็งแกร่ง” โดยมีผู้นำองค์กรอาสาเป็นคนนำทัพ 

เพราะไม่มีใครจะน่าเชื่อถือไปกว่าเจ้าของธุรกิจลงมาลุยเองแล้ว นอกจากตัวบริษัทยังเอาชื่อเสียงตัวเองมาค้ำประกันด้วย ผู้บริโภคจะ associate ตัวผู้นำเข้ากับแบรนด์และผลิตภัณฑ์อย่างแยกไม่ออก

นอกจากนี้ ผลวิจัยจาก KRC Research ในกรุงวอชิงตันเผยว่า ราว 44% ของมูลค่าบริษัทในตลาดจะเชื่อมโยงโดยตรงกับชื่อเสียงของ CEO แถมยังมีแนวโน้มดึงดูดนักลงทุน / ดึงดูดสื่อให้มาเข้าหาเอง / ดึงดูดคนเก่งให้มาสมัครกับบริษัทด้วย

แบรนด์ที่ CEO เป็น Super Influencer

เชื่อว่าหลายคนรู้จักคุณ “รวิศ หาญอุตสาหะ” จาก Mission To The Moon ก่อนจะรู้จักศรีจันทร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักด้านเครื่องสำอางของเขาเสียอีก คุณรวิศเริ่มมีชื่อเสียงมาจากเพจใน Facebook และเขียนหนังสือ ก่อนจะเป็นคนแรกๆ ที่กระโดดเข้าสู่วงการ Podcast จนประสบความสำเร็จเป็นตัวท็อปด้านนี้ของเมืองไทย 

มาวันนี้เรียกได้ว่า “อาณาจักรสื่อ” ของเขาขยายใหญ่ไปหลายช่องทางมากๆ กลายเป็น Influencer ที่มีผู้ติดตามหลายแสนคน มีอิทธิพลต่อความคิดมาก เวลาเค้า “แนะนำ” สินค้าบริการอะไร คนก็มักเชื่อและซื้อตาม 

รายงานจาก BRANDfog เผยว่า ผู้ถูกสำรวจกว่า 75% คิดว่าการเป็นผู้นำองค์กรจะยิ่งดีขึ้นมาก ถ้าพวกเขาใช้โซเชียลมีเดียช่องทางใดช่องทางหนึ่งอยู่บ่อยๆ 

Image Cr. bit.ly/3byrbNg

และ ณ ตอนนี้คงไม่มีใครดังไปกว่าคุณ “ท๊อป-จิรายุส” คนหนุ่มรุ่นใหม่เจ้าของตลาดสกุลเงินคริปโต Bitkub ที่โตระเบิดแตะหลักร้อยล้านบาท

คุณท๊อปกลายเป็นกระแสใหญ่เมื่อเดือนก่อนที่ออกมาประกาศขอโทษลูกค้าพร้อมเปิดเทรดฟรี 1 อาทิตย์เพื่อชดเชยเหตุการณ์ระบบล่มที่ผ่านมา ผลกลายเป็นว่า ลูกค้ากลับให้อภัย ผู้ใช้งานกลับเพิ่มขึ้น เพราะความ “จริงใจ” ในออกมายอมรับผิดขอโทษของเจ้าตัว ผู้บริโภครู้สึกว่าบริษัทนี้มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม เจ้าของมีตัวตนจับต้องได้

Image Cr. bit.ly/3ebggfg

คุณ “เคน-นครินทร์” บก. The Standard และเป็นคนปั้น Podcast ช่องที่ดังอันดับต้นของเมืองไทยอย่าง The Secret Sauce ตัวคุณเคนเองมีส่วนอย่างมากในการสร้างภาพลักษณ์องค์กรให้มีความเป็น “สื่อยุคใหม่” ทรงคุณภาพ ผ่านวัย(รับตำแหน่งตอนอายุเพียง 30 ต้นๆ) บุคลิกภาพ และเนื้อหาคอนเทนต์แบบพรีเมียมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

Image Cr. bit.ly/3aPVAHQ

การมาถึงของ Clubhouse ยังเป็นเวที Branding ชั้นดีที่ตอนนี้เหล่า CEO รีบแห่แหนเข้าไปใช้ประชาสัมพันธ์องค์กร ตอบคำถามสดๆ จากผู้ฟัง แสดงชั้นเชิงไหวพริบการตอบคำถาม นำเสนอแง่มุมที่ธุรกิจที่หลายคนอาจไม่รู้..

คุณ “แอ๊ด-คาราบาว” แห่งคาราบาวกรุ๊ป นักร้องที่รวยที่สุดในเมืองไทย คือผู้มาก่อนกาลในเรื่อง Influencer เพราะเขาถึงกับเอาชื่อตัวเองไปเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ (เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง) ได้เปรียบจากชื่อเสียงที่สะสมมาดั้งเดิม กินส่วนแบ่งตลาดถึง 10% ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว 

แทบทุกผลิตภัณฑ์อื่นก็จะมีรูปเขาปรากฎอยู่ โฆษณาผลิตภัณฑ์หลายตัวในเครือบริษัทก็ใช้พี่แอ๊ดเป็นนักแสดงหลัก การบุกตลาดยุโรปของคาราบาวแดงก็เป็นสปอนเซอร์หลักให้กับทีมฟุตบอลเรดดิ้ง โดยพี่แอ๊ดนำทัพเดินเปิดตัวกลางสนามบอล

Image Cr. bit.ly/3kiAHrD

คุณ “พิชชี่” ที่สาธารณชนรู้จักกันดีในนาม ‘สตีเฟ่นโอปป้า’ ช่อง YouTube ไลฟ์สไตล์คุณภาพคับแก้วคนตามหลักล้าน ก็มีธุรกิจหลักของเธอเป็น “GoUni” ที่พาเด็กไทยไปเรียนต่ออังกฤษแบบครบวงจร GoUni เป็นที่รู้จักและได้รับความน่าเชื่อถือส่วนหนึ่งก็เพราะมาจากการโปรโมทโดยตรงของเธอเอง เด็กรุ่นใหม่(ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ติดตามหลัก)ที่เสพผลงานของเธอ เมื่อจะเรียนต่ออังกฤษ ย่อมพิจารณา GoUni เป็นลำดับแรกๆ 

ส่วน “Elon Musk” ที่เกริ่นไปตอนแรก นั่นมีผู้ติดตามถึงกว่า 50 ล้านคน! ใน Twitter บวกกับแสนยานุภาพทางธุรกิจของเขา ไม่แปลกเลยถ้าจะบอกว่า การทวีตแต่ละครั้งของเขา ส่งผลต่อมูลค่าทั้ง ‘อุตสาหกรรม’

  • ต้นเดือนมกราคมเขาใส่ #bitcoin ลงในประวัติส่วนตัว จากนั้นราคาของ Bitcoin ก็พุ่งขึ้น 20% ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • ทวีตขำๆ ในวัน April Fools’ Day ว่าบริษัทรถของเขา “ล้มละลาย” ราคาหุ้น Tesla ก็ร่วงทันที
  • ทวีตพูดถึง Clubhouse จนโตระเบิดกลายเป็นยูนิคอร์น 

ไม่แน่ว่าถ้าเขาพูดถึง “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa ที่ทดลองทำได้ง่ายและรับผลประเมินเบื้องต้นแบบฟรีๆ แบบประเมินอาชีพนี้ก็อาจกลายเป็นมาตรฐานที่เด็กจบใหม่ทุกคนต้องทำเพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ ก่อนเข้าทำงานในบริษัทก็เป็นได้…เริ่มต้นทำแบบประเมินได้ที่ >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง