ไขความลับการเปลี่ยน “พฤติกรรม” สู่ชีวิตที่ดีกว่า

ไขความลับการเปลี่ยน “พฤติกรรม” สู่ชีวิตที่ดีกว่า

เรามักหลงเชื่อว่า เมื่ออายุมากขึ้นจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่ “สายเกินแก้” ที่จะเปลี่ยนแล้ว (Established behavior) หรือที่เราเรียกกันว่า “สันดาน”

แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะแก่แค่ไหนหรือมีเงื่อนไขอื่นใด พฤติกรรมคนเรา ”เปลี่ยนแปลงได้ตลอด” เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว

A person reading a book

Description automatically generated with medium confidence

Dr. BJ Fogg นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมจาก Stanford University และผู้ก่อตั้ง Behavior Design Lab ได้พิสูจน์มาแล้วจากการใช้เทคนิคที่จะพูดถึงนี้เปลี่ยนผู้คนกว่า 60,000 คน

เขายังเป็นผู้เขียนหนังสือขายดี Tiny Habits: The Small Changes That Change Everything ที่คอนเฟิร์มว่าการ “เปลี่ยนน้อย…แต่ได้มาก” เกิดขึ้นได้จริง

Fogg Behavior Model

เขาออกแบบกราฟที่ตั้งชื่อว่า “Fogg Behavior Model” เป็นกราฟที่สำคัญมากในการเปลี่ยนพฤติกรรมถึงขนาดที่เจ้าตัวบอกเองว่า ถ้าเขาตายไป…ให้เอากราฟนี้ฝังลงหลุมไปพร้อมกับเค้าด้วย!!

Diagram

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/3h9gtAd

กราฟนี้มีสูตรที่เข้าใจง่ายมาก นั่นคือ B = MAP

  • B = Behavior: ผลลัพธ์พฤติกรรมของคนเราประกอบขึ้นจาก M+A+P
  • M = Motivation: แรงปรารถนาลึกๆ ที่ต้องการจะทำหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
  • A = Ability: ความสามารถด้านต่างๆ ตามความเป็นจริงของเรา เช่น ร่างกาย / เงินทุน / เวลา / สติปัญญา
  • P = Prompt: สัญญาณบอกให้เราลงมือทำ เช่น ตรวจสุขภาพเจอโรค จึงเลิกบุหรี่ทันทีและเริ่มออกกำลังกาย

ถ้าคุณมี MAP ครบทั้งหมด พฤติกรรมใหม่ก็พร้อมก่อร่างสร้างตัว แต่ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งไป พฤติกรรมใหม่จะเกิดได้ยากหรือไม่ยั่งยืน เช่น

  • มี Motivation อันแรงกล้า…แต่ ไม่มีเวลาเรียนคอร์สออนไลน์ใหม่ๆ
  • มี Ability เงินซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย…แต่ ไม่มีแรงจูงใจให้ออกไปวิ่ง 
  • มี Prompt ในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม…แต่ สังคมรอบตัวไม่มีใครแคร์

นำสูตรนี้ไปต่อยอด?

เมื่อเข้าใจความสัมพันธ์ของสูตรนี้แล้ว Dr. BJ Fogg ได้นำเสนอ 7 ขั้นตอนสู่การออกแบบพฤติกรรม

  1. ระบุปรารถนา: สำรวจความคิดตัวเองว่ามีความปรารถนาลึกๆ ว่าอยากทำหรือเปลี่ยนอะไร? เช่น “ลดน้ำหนัก” เพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำไปได้นานๆ และเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง

ทั้งนี้ Dr. BJ Fogg เน้นย้ำว่าให้หาแรงปรารถนา…ไม่ใช่ “แรงจูงใจ” เพราะแรงจูงใจแปรผันไปตามสถานการณ์ เหมือนเพื่อนที่เราชวนไปปาร์ตี้สังสรรค์…แต่ไม่ใช่เพื่อนยากที่เราโทรหาเวลามีทุกข์ 

  1. ค้นหาตัวเลือกพฤติกรรม: ลิสท์ตัวเลือกออกมาให้ “เยอะที่สุด” ไว้ก่อน เช่น ถ้าต้องการ “ลดน้ำหนัก” ตัวเลือกเป็นอะไรได้บ้าง? เข้าฟิตเนส / วิ่งสวนสาธารณะ / ลดปริมาณอาหาร / นวดละลายไขมัน
  1. จับคู่ตัวเองกับพฤติกรรมนั้น: จากตัวเลือกมากมายที่ลิสท์ไว้ ให้หยิบเลือกเฉพาะอันที่คิดเป็นไปได้มากสุด มีแนวโน้มทำได้ “สม่ำเสมอ” มากที่สุด เช่น วิ่งสวนสาธารณะ เพราะใกล้บ้านและไม่มีค่าใช้จ่าย
A picture containing tree, grass, outdoor, plant

Description automatically generated
  1. เริ่มทันที…แต่ให้เริ่มเล็กๆ: เมื่อเลือกจะวิ่งสวนแล้ว อย่าเริ่มด้วยการ “วิ่ง 10 กม.” เพราะจะเจอ “แรงต้าน” ทางใจสูงมาก (และร่างกายวิ่งไม่ไหว) ให้เริ่มเล็กๆ ไปก่อน เช่น “วิ่ง 1 กม. เดิน 2 กม.” หรือ “วิ่ง 2 นาที เดิน 10 นาที” เมื่อปรับความเคยชินทางกาย-ใจได้แล้ว จึงค่อยๆ “ไต่ระดับ” สูงขึ้น
  1. มองหาสัญญาณ: ให้มองหาสัญญาณรอบตัวที่เป็น “ตัวกระตุ้น” ให้คุณยิ่งต้องรีบทำพฤติกรรมนั้นๆ เช่น อีก 1 เดือนข้างหน้า คุณจำเป็นต้องขึ้นเวทีเสวนาใหญ่ที่มีผู้นำองค์กรมากมายเข้าร่วมงาน ภาพลักษณ์ต้องดูดี ร่างกายต้องพร้อม ตัวกระตุ้นนี้จะช่วยให้คุณมีวินัยในการออกกำลังกาย
  1. ฉลองความสำเร็จ: อย่ารอให้ถึงปลายทาง แต่ให้ “ฉลองเล็กๆ” ไปด้วยระหว่างทาง เป็นเคล็ดลับสร้างกำลังใจช่วยให้คุณ “ยืนระยะ” ทำต่อได้นานๆ
  1. ประเมินผลงาน: รีวิวทบทวนที่ทำมาทั้งหมด อันไหนเวิร์คก็ทำซ้ำ อันไหนไม่เวิร์คก็หาจุดบกพร่องแล้วแก้ไข

นอกจากนี้ Dr. BJ Fogg ยังแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำ “ควบคู่” กันไป เช่น

  • การ “เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม” เอาตัวเองไปอยู่ในสภาพสังคมที่ตัวเองอยากเป็น เช่น ถ้าอยากมีหัวคิดแบบผู้ประกอบการ ก็เอาตัวเองไปสมาคมกับเหล่า Startups รุ่นใหม่
A picture containing person

Description automatically generated
  • การมี ”Growth Mindset” เชื่อมั่นว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองนี้ สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนได้
  • หรือการ “ละทิ้งพฤติกรรมแย่ๆ” ขนานคู่ไปกับการ โอบกอดพฤติกรรมดีๆ ใหม่ๆ ถ้าตั้งเป้าออกกำลังกาย ก็ควรงดของหวานควบคู่ไปด้วย

The 20-Hour Rule

นอกจากนี้ยังมีกฎ 20-Hour Rule ที่เริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงการ

เดิมที เราคุ้นเคยกับ “กฎ 10,000 ชั่วโมง” ที่ว่าการจะเป็น Expert ผู้เชี่ยวชาญรู้ลึกขั้นแอดวานซ์ในเรื่องไหน ต้องเรียนรู้ปฏิบัติจริงนานถึง 10,000 ชั่วโมง

แต่ความจริงอีกด้านคือ ถ้าคุณต้องการรู้แค่ระดับพื้นฐาน แค่ระดับ Explore เรื่องต่างๆ ใช้เวลาแค่ “20 ชั่วโมง” ก็เป็นได้แล้ว 

  • Expert รู้ลึก ใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง
  • Explore รู้พื้นฐาน ใช้เวลา 20 ชั่วโมง

เป้าหมายคือ “จุดประกาย” การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (ไม่ใช่การก้าวเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก) ซึ่งครอบคลุมการเรียนรู้สิ่งใหม่ในพื้นฐาน “ทุกเรื่อง”

  • หัดดื่มไวน์เพื่อเข้าสังคม
  • หัดตีกอล์ฟเพื่อไปสมาคมกับลูกค้า
  • หัดเขียน Coding ไว้สื่อสารกับฝ่าย IT
  • หัดพูด Podcast เพื่อสร้างทักษะการสื่อสาร 
  • หัดเรียนภาษาใหม่ๆ ไว้สร้างความประทับใจคู่ค้าต่างชาติ
A group of people holding wine glasses

Description automatically generated with medium confidence

และเพราะจุดประสงค์คือรู้แค่พื้นฐาน คุณจะพบว่าช่วงแรกที่เรียนรู้อาจ “ง่าย” กว่าที่คิด เพราะความยากจะเริ่มเกิดขึ้นตอนคุณก้าวไปสู่ขั้นแอดวานซ์นั่นเอง ขอแค่เชื่อมั่นว่าทำได้ มี Growth Mindset คุณก็พร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้แล้ว

พฤติกรรมคนเรานั้นเปลี่ยนยาก…แต่เปลี่ยนได้

วันละนิด-วันละหน่อย แต่ถ้าสม่ำเสมอ นานวันเข้าเมื่อคุณหันหลังมองย้อนกลับมา อาจพบว่า…ตัวเองเดินมาไกลแล้ว

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง