- Samsung เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้
- มีมูลค่าบริษัท 15 ล้านล้านบาท รายได้ 6.8 ล้านล้านบาท
- เป็นผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ผู้คนทั่วโลกใช้กัน
- และมีส่วนแบ่งตลาด Smartphone ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากบริษัทที่ส่งออกปลาแห้ง สู่นวัตกรรมสากกะเบือยันเรือรบ…Samsung มีวิธีปั้นองค์กรอย่างไรกันแน่?
กว่าจะมาเป็น Samsung
Samsung ก่อตั้งเมื่อปี 1938 โดยคุณ Lee Byung-chul เริ่มแรกเป็นบริษัทส่งออกปลาแห้งและทำธุรกิจซื้อมาขายไปขนาดย่อมเยา ก่อนจะขยายไปสู่ธุรกิจสิ่งทอ / อาหาร / ค้าปลีก / ธุรกิจประกัน
และเข้าสู่อุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่อย่าง การต่อเรือ / การก่อสร้าง / อาวุธทางการทหาร / และสุดท้ายประเภทธุรกิจที่ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่างธุรกิจ “อิเล็กทรอนิคส์” ในปี 1969 จนหลายทศวรรษต่อมาได้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้และเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ทั่วโลกยอมรับ
Samsung มีถึงกว่า 80 ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ทั่วโลก
เฉพาะ Samsung Electronics (แขนงบริษัทที่ใหญ่ที่สุด) แบ่งเป็น 4 Divisions ได้แก่
- Digital media
- Semiconductor
- Telecommunication network
- LCD digital appliances
ธุรกิจที่ถูกรัฐบาลเลือก
เรื่องราวที่อยู่นอกสื่อกระแสหลักคือ หลังแยกประเทศ เกาหลีใต้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบ “Protectionism” ภาครัฐมีการ “ปกป้อง” อุตสาหกรรมภายในประเทศอย่างชัดเจน กีดกันการค้าจากบริษัทใหญ่ข้ามชาติ เพื่อให้หลายบริษัทเกาหลีใต้ที่พึ่งตั้งไข่ มีเวลาในการสะสมองค์ความรู้พัฒนาตัวเอง ก่อนออกไปสู้ในระดับโลก
Protectionism ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศที่พัฒนาแล้วในโลก (และมีการค้าแบบเสรีในปัจจุบัน) ล้วนเคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วทั้งสิ้น
- เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ช่วงทศวรรษที่ 1950s
- เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 – ต้นศตวรรษที่ 20
- เกิดขึ้นในอังกฤษ ช่วงต้น-กลางศตวรรษที่ 19
และ Samsung ไม่เพียงเป็นธุรกิจที่ถูกปกป้องเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ภาครัฐ “หยิบเลือก” ให้เป็นหัวหอกในการนำพาไปสู่ประเทศชั้นนำ ซึ่งต่อมา…กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ที่ถูกภาครัฐอุ้มชูนี้เรียกว่ากลุ่ม “แชโบล” (Chaebol)
10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มแชโบล มีมูลค่าถึง 50% ของตลาดหุ้นในเกาหลีใต้ และในจำนวนนี้ Samsung เพียงบริษัทเดียวมีมูลค่าคิดเป็นถึง 1/3
จึงอาจกล่าวได้ว่า ช่วงทศวรรษ 1960s การเติบโตของ Samsung และสภาพการแข่งขันในตลาดไม่ได้เป็นไปแบบธรรมชาติ (Organic) แต่มีบทบาทของภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือด้วย
R&D เบื้องหลังนวัตกรรม Samsung
ในยุคแรก Samsung เริ่มต้นด้วยการยอมรับในความด้อยกว่าของตัวเอง ก่อนจะเลือกคู่แข่งซึ่งเป็นผู้นำในวงการขณะนั้นอย่าง Sony เป็นต้นแบบ และพยายามลอกเลียนแบบให้เหนือกว่า (Emulation)
Samsung รู้ดีว่าผู้คนมีภาพจำที่ดีต่อ Sony ผ่านนวัตกรรมชั้นนำอย่าง Sony Walkman และ PlayStation
“คุณภาพสินค้า ต้องมาก่อน ภาพลักษณ์องค์กร”
ถ้า Samsung ทำได้สำเร็จ ก็น่าจะช่วยให้ภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น และง่ายต่อการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่า
แต่การจะมีนวัตกรรมในวงการนี้ได้ เบื้องหลังต้องมาพร้อมงบ “R&D” มหาศาล Samsung จึงได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการค้นคว้าวิจัยตั้งแต่นั้นมา
เมื่อถึงปี 2020 สิทธิบัตร (Patent) ที่จดทะเบียนเฉพาะในสหรัฐอเมริกากว่า 6,000 สิทธิบัตร (มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอเมริกา รองจาก IBM)
- ปี 2014 Samsung ใช้งบ R&D กว่า 420,000 ล้านบาท
- ปี 2020 Samsung ใช้งบ R&D กว่า 607,000 ล้านบาท
จากพนักงาน Samsung ทั่วโลกกว่า 320,000 คน ในจำนวนนี้ พนักงานที่ทำเฉพาะด้าน R&D มีมากถึง 50,000 คน ในกว่า 42 ศูนย์วิจัยไฮเทคทั่วโลก
บริษัทได้ประกาศว่า จะตั้งใจแบ่งงบ R&D โดยคิดเป็น 9% ของรายได้ทั้งหมดในแต่ละปี
ผลลัพธ์ของ R&D ค่อยๆ สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับ Samsung
- ปี 1993 ผลิตชิปหน่วยความจำ (Memory Chips) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ปี 2006 ผลิต TV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ปี 2010 เปิดตัวโทรทัศน์ 3 มิติรุ่นแรกของโลก
- ปี 2011 ขึ้นแท่นบริษัทผลิตสมาร์ตโฟนที่มีรายได้มากที่สุดในโลก
- ปี 2013 เปิดตัวโทรทัศน์ จอโค้งรุ่นแรกของโลก
- ปี 2018 เปิดตัวโทรทัศน์ ความชัดระดับ 8K
Image Cr. bit.ly/3iObHJQ
และจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทในแง่ผลตอบรับผลิตภัณฑ์ คือการเปิดตัว
- Samsung Galaxy S ในปี 2010
- Samsung Galaxy Note ในปี 2011
ซึ่งสร้างยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด และสร้างจุดยืนภาพลักษณ์ใหม่ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกได้สำเร็จ!!
R&D ของ Samsung ยังรวมไปถึงชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ในเครื่อง แม้แต่ iPhone หลายรุ่นในปัจจุบัน ก็ใช้หน้าจอ OLED ที่สั่งมาจาก Samsung
ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
R&D ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่รวมถึงพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคด้วย
Samsung มีฐานข้อมูลลูกค้าในระบบมหาศาล และผลวิจัยจากหลากหลายประเทศทั่วโลก…รู้ว่า Pain Point และ ความต้องการลึกๆ ของผู้คนคืออะไร? ก่อนจะคิดย้อนกลับเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ให้แก้ปัญหาลูกค้าได้
เราเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ Samsung ที่หลากหลายเหลือเกิน ครอบคลุมแทบทุกความต้องการ
- Galaxy A Series ราคาย่อมเยา เน้นฟังก์ชั่นใช้งาน
- Galaxy S เน้นถ่ายภาพ ดีไซน์โดดเด่น ทันสมัย
- Galaxy Note ที่เหมาะกับคนทำงาน เน้นประสิทธิภาพในการทำงานเหมือนเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อม
- Knox เน้นความปลอดภัยสูงสุด ยากต่อการโจรกรรมข้อมูล
- Samsung The Wall Luxury เจาะกลุ่มมหาเศรษฐี (ราคา 13.9 ล้านบาท)
ผู้นำที่มองการณ์ไกล
Lee Kun-Hee ผู้นำในช่วงเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระดับโลกในช่วงทศวรรษ 1990s ได้วางรากฐานสำคัญในปี 1993 โดยเน้นย้ำถึง
Image Cr. bit.ly/3iQjWoz
- นวัตกรรม
- เทคโนโลยีอันล้ำหน้า
- งานดีไซน์ระดับโลก
- การเป็นแหล่งรวมหัวกะทิ
- แบรนด์ดิ้งภายในองค์กร
นี่คือการปักหมุดไปที่ “ระดับโลก” พร้อมแคมเปญระดับโลกตัวแรกชื่อว่า “Challenge the Limits”
รวมถึงยังมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง “วัฒนธรรมในองค์กร” มากมาย เช่น เปลี่ยนจากการจ้างงานตลอดชีพในแบบดั้งเดิม มาเป็นมุ่งเน้นที่ผลงานแทน (Result-based) ดึงดูดคนเก่งๆ รุ่นใหม่ให้มาร่วมสร้างฝัน
Design
ไม่ใช่แค่ฟังก์ชั่นการใช้งาน แต่ทุกวันนี้ผู้บริโภคหลายคนน่าจะยอมรับมากขึ้นแล้วว่างาน “ดีไซน์” ของ Samsung เทียบชั้นกับคู่แข่งสำคัญระดับโลกได้แบบไม่อายใคร
ปี 1993 Samsung ได้จัดตั้ง Innovative Design Lab (IDL) เป็นหน่วยงานภายในองค์กรเอง โดยมีประธาน Lee Kun-Hee เป็นผู้สนับสนุนโดยตรง (และรายงานโดยตรง)
แลปนี้คือเบื้องหลังความสำเร็จด้านงานออกแบบของ Samsung ก็ว่าได้ ซึ่งจะศึกษาเชิงลึกในหลากหลายศาสตร์เพื่อผนวกเข้ามากับการสร้างผลิตภัณฑ์จริง
- งานออกแบบที่คำนึงถึงสรีระร่างกาย (Ergonomics)
- วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical engineering)
- ปรัชญาของงานประติมากรรม (Philosophy of sculpture)
- ศิลปะและวัฒนธรรมของผู้คน (Arts & Culture)
- การใช้วัสดุรีไซเคิล (Recycled materials)
ถึงปัจจุบัน Samsung ยังคงเป็นผู้นำสินค้าไฮเทค ดูตัวอย่างได้จากการเปิดตัวสินค้าใหม่คุณภาพล้ำหน้าอย่างต่อเนื่อง
- Samsung QLED 8K
- Samsung BESPOKE Refrigerators ตู้เย็นอัจฉริยะ
- Samsung AI EcoBubbles เครื่องซักผ้า AI
ปี 2019 ยอดขาย Smartphone ทั่วโลกอยู่ที่ราว 1,370 ล้านเครื่อง โดยมี Samsung เป็นเบอร์ 1 ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 296 ล้านเครื่อง (ราว 21.6%)
Samsung คือตัวอย่างเรื่องราวที่น่าสนใจของบทบาทภาครัฐที่มีส่วนช่วยพยุงบริษัทในประเทศ และจากจุดเริ่มต้นที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบัน แต่เมื่อตั้งตัวได้และสร้าง “วิสัยทัศน์” อันกว้างไกล ก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำด้านบริษัทไฮเทคชั้นนำของโลกได้สำเร็จ
.
ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com
ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/
Original Image Cr. bit.ly/3j7Q8nD
อ้างอิง
- https://companiesmarketcap.com/samsung/marketcap/
- https://asia.nikkei.com/Companies/Samsung-Electronics-Co.-Ltd
- https://martinroll.com/resources/articles/marketing/samsung-global-asian-brand/
- https://www.statista.com/statistics/1097358/leading-mobile-phone-brands-worldwide-by-shipment-sales-profit/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Samsung
- https://expandedramblings.com/index.php/samsung-statistics/
- https://displaysolutions.samsung.com/the-wall
- https://www.statista.com/statistics/236607/global-revenue-of-samsung-electronics-since-2005/