Walmart ปั้นองค์กรอย่างไร? สู่ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Walmart ปั้นองค์กรอย่างไร? สู่ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • Walmart คือร้านค้าปลีกที่มียอดขายมากที่สุดในโลก
  • รายได้ 16.7 ล้านล้านบาท กำไร 0.44 ล้านล้านบาท
  • มีสาขากว่า 11,500 สาขา ใน 26 ประเทศทั่วโลก
  • พร้อมพนักงานในบริษัททั้งหมดกว่า 2.3 ล้านคน

ด้วยสเกลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ Walmart มีวิธีปั้นองค์กรอย่างไร?

ความฝันของ Sam Walton

Walmart (เดิมชื่อว่า Wal-Mart Stores) ก่อตั้งเมื่อปี 1962 โดยคุณ Sam Walton มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Bentonville รัฐ Arkansas สหรัฐอเมริกา

Walmart เป็นห้างค้าปลีกที่มีหลาย “Formats” คอยตอบโจทย์ลูกค้าทุกรูปแบบ เช่น Supercenters / Discount Stores / Neighborhood Markets / และอีกมากมาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

A picture containing text, building, blue, sign

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/3yyNT2b

Sam Walton ตั้งสโลแกน “Save money. Live better.” ประหยัดเงินและมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งนี่จะเป็นแก่นในการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของ Walmart ในเวลาต่อมา และได้กลายเป็นจุดแข็งที่สุดของแบรนด์นั่นคือด้าน “ราคา” ที่ถูกกว่าท้องตลาดจนเกิดเป็น Competitive Advantage ที่เหนือกว่าคู่แข่ง

A picture containing text, person, female

Description automatically generated

Image Cr. nyti.ms/3fLgFFr

Walmart เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จในปี 1970 และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายกิจการไปทั่วประเทศ

  • ปี 1980 Walmart มีอยู่ 276 สาขา พนักงานกว่า 21,000 คน
  • ปี 1992 Walmart มีอยู่ 1,928 สาขา พนักงานกว่า 371,000 คน
  • ปี 2000 Walmart มีอยู่ 3,989 สาขา พนักงานกว่า 1,100,000 คน
  • ปี 2020 Walmart มีอยู่ 11,500 สาขา พนักงานกว่า 2,300,000 คน

จำนวนสาขาและพนักงาน ก็เติบโตควบคู่ไปกับรายได้

  • ปี 2006 Walmart มีรายได้ 9.2 ล้านล้านบาท
  • ปี 2010 Walmart มีรายได้ 12.1 ล้านล้านบาท 
  • ปี 2015 Walmart มีรายได้ 14.6 ล้านล้านบาท
  • ปี 2020 Walmart มีรายได้ 15.7 ล้านล้านบาท 

ในภาพรวม Walmart แบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 Divisions ได้แก่

  • Walmart U.S. สัดส่วนรายได้ 67%
  • Walmart International สัดส่วนรายได้ 22%
  • Sam’s Club สัดส่วนรายได้ 11%

สัดส่วนยอดขายของ Walmart แบ่งตามประเภทสินค้า

  • 56.3% Grocery
  • 32.3% General Merchandise
  • 10.4% Health & Wellness
  • 1% Other

ผู้นำดี องค์กรดีตาม

นอกจากคุณ Sam Walton จะเป็นคนริเริ่มวางกลยุทธ์ราคาถูกกว่าท้องตลาดแล้ว เค้ายังเป็นผู้นำที่แคร์ลูกน้องมากๆ

เขาสร้างคำเรียกพนักงาน Walmart ว่า “Walmart Associates” เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท โดยเขาให้เครดิตลูกทีมทุกคน ตัวเขาไม่ได้เก่งคนเดียว ไม่ได้คิดค้นไอเดียบรรเจิดทุกอย่างคนเดียว เขาเพียงแชร์วิสัยทัศน์และเส้นทางที่บริษัทควรเดินไป ก่อนจะมอบให้ลูกทีมทุกคนมีอิสระในการคิดตัดสินใจ 

ความสำเร็จของ Walmart ไม่ได้มาจากเค้าคนเดียว แต่มาจากการร่วมมือกันของพนักงานทุกคน

Sam Walton ยังเป็นหนึ่งในคนที่ยึดถือว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า” จากตัวอย่างง่ายๆ ที่ลูกค้าคุ้นเคย เช่น ทุกสาขาหน้าทางเข้า จะมี “Greeters” หรือพนักงานต้อนรับคอยสอบถามพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้า (เช่น ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ) วัฒนธรรมนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ค้าปลีกใหญ่เจ้าอื่นทำตามในเวลาต่อมา

A person in a blue shirt

Description automatically generated with low confidence

Image Cr. nbcnews.to/2U2ssY6

จังหวะเริ่มต้นที่เหมาะสม

ประเด็นหนึ่งที่สื่อกระแสหลักมักมองข้ามไปคือ ยุคบุกเบิกของ Walmart มาได้จังหวะที่เหมาะสมกับบริบทของสังคม กล่าวคือ Walmart จะเลือกโลเคชั่นไปตั้งอยู่ตามชานเมืองในอเมริกาที่มีผังเมืองแนวราบแบบแผ่กิ่งก้าน (Urban sprawl) ที่ทุกครัวเรือนจำเป็นต้องมีรถยนต์ในการไปไหนมาไหน “คนอเมริกันชอบขับรถ” คือความจริงมาถึงปัจจุบัน

An aerial view of a city

Description automatically generated with medium confidence

Image Cr. n.pr/2VFJQSO

ประจวบกับอุดมคติในแบบ American Dream ของอเมริกันชนที่เริ่มเบ่งบานในยุคนั้น ที่ยึดถือว่าการมีบ้าน-มีรถ-ออกไปจับจ่ายใช้สอย…คือความฝันอันสูงสุด 

ลูกค้าชาวอเมริกันยุคแรก มีความสุขกับการได้ขับรถออกไปซื้อของที่ Walmart ซื้อของในปริมาณมากๆ ราคาถูกๆ ตุนไว้ยาวๆ ทั้งอาทิตย์ 

Walmart จึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้คนได้ไม่ยากเลย

The Innovation Catalysts 

คนทั่วไปมักมองว่า แม้ Walmart จะเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ แต่ไม่ใช่บริษัทที่จะมี “นวัตกรรม” แต่อย่างใด…ก็เป็นแค่ค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ขายของถูกกว่าชาวบ้านเท่านั้นเอง

แต่ความจริงแล้ว Walmart ถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมในหลายมิติมาก จนมีคำกล่าวในองค์กรว่า “Customer Centric by being Tech- Centric”  เช่น

ปี 2018 เปิดตัวบริการ “Check Out With Me” จะมีพนักงานเดินวนรอบห้าง ลูกค้าสามารถจ่ายเงินกับพนักงานเหล่านี้ที่ไหน-ตรงไหนก็ได้ รูดบัตร-รับใบเสร็จ…จบ ไม่ต้องเดินทอดน่องไกลๆ ไปแคชเชียร์ที่อยู่อีกมุมตึก และไม่ต้องรอต่อคิวยาวๆ

A picture containing text

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/2VBkmqc

ปี 2020 Walmart เปิดตัวบริการ ”NextDay Delivery” ถ้าซื้อถึงขั้นต่ำ $35 Walmart การันตีว่าสินค้าจะถูกส่งถึงมือลูกค้าภายในวันถัดไปแน่นอน และไม่มีค่าส่งเพิ่มเติมใดๆ 

นำระบบ AI มาใช้กับการช็อปปิ้งออนไลน์ ช่วยนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุดจากฐานข้อมูลที่มีมหาศาล ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงปีโควิด-19 ที่ผู้บริโภคหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น

จับมือกับพาน์ทเนอร์ DroneUp เพื่อพัฒนาสู่ “โดรนส่งของ” ในอนาคต (อยู่ในระหว่างทดลองเทคโนโลยี)

A picture containing sky, person, outdoor, person

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/3fN7C6F

ในมุมพนักงาน บริษัทได้จับมือสตาร์ทอัพ Alert Innovation เปิดตัว “Alphabot” หุ่นยนต์ที่มาช่วยพนักงานหยิบ-แพ็ค-ส่งสินค้าออนไลน์ ลดการทำงานซ้ำซาก ขั้นตอนการทำงานไหลลื่นขึ้น และลูกค้าได้รับของเร็วขึ้น

Walmart ยังกำลังเร่งลงทุนในเทคโนโลยีอีกหลายด้านที่จะช่วยธุรกิจในยุคต่อไป เช่น รถยนต์ไร้คนขับ / ระบบ Blockchain / Internet of Things (IoT) 

ลงทุนในคน

อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมของ Walmart ไม่ได้มีแค่ด้านสินค้าบริการ แต่ยังรวมถึงการสรรหาคนเก่งมาร่วมงานกับองค์กร

Walmart ได้ริเริ่ม Global Diversity Practice เพื่อสรรหาคนเก่งหลากหลายสาขา เช่น

  • เจ้าหน้าที่ HR ทุกคนต้องผ่านการอบรม Unconscious Bias Training เพื่อลดอคติให้น้อยที่สุดเวลาพิจารณาผู้สมัคร
  • เปิดตัวโครงการ “Girl Who Code” เฟ้นหาหญิงเก่งด้านเทคโนโลยีมาร่วมทีม (เดิมมักมีแต่ผู้ชาย)
  • ปรับ Job Description ให้มีครบทุกภาษา เพื่อการสื่อสารที่ตรงจุด
  • เปิดรับสมัครทหารผ่านศึกกว่า 265,000 คน

หลังจากที่ Walmart เข้าซื้อกิจการ E-commerce รายใหญ่อย่าง Jet.com ในปี 2016 ก็ได้มุ่งโฟกัสคนรุ่นใหม่ที่ชำนาญด้านเทคโนโลยีมาเสริมทัพองค์กร

ปี 2017 Walmart ยังได้ก่อตั้ง Store Nº8 ทำหน้าที่เป็นศูนย์พัฒนาด้านเทคโนโลยีภายในขององค์กร ซึ่งปัจจุบันโฟกัสที่ประเด็น Robot / VR / AR / AI / IoT เพื่อมาต่อยอดความแข็งแกร่งด้าน E-commerce ของตัวเอง และไปร่วมมือกับงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วโลก 

รวมถึงทำหน้าที่เข้าซื้อกิจการอื่น เช่น 

  • Flipkart E-commerce รายใหญ่ของอินเดีย 
  • Parcel บริษัทเดลิเวอรี

ขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อจับมือกับ TikTok เพื่อต่อยอดไปสู่ “Social Commerce” การซื้อของออนไลน์ที่มีบรรดา Influencer ในโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินใจ (ซึ่งที่ประเทศจีนได้พิสูจน์แล้วว่าเวิร์ค)

Omni-Channel

Walmart เป็นเจ้าแรกๆ ที่เชื่อมโยง Online-Offline ขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์เข้าไว้ด้วยกันในทุกขั้นตอน ซึ่งบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2000 

Walmart ล่วงรู้ข้อมูลมหาศาลของฐานลูกค้าในมือ นำไปสู่การออกแบบสินค้าบริการที่ถูกจริตมากขึ้น ทำการตลาดแบบเจาะจงรายบุคคล (Personalization) ได้แม่นยำขึ้น

แม้หน้าร้านสาขาจะยังคงเป็นพระเอก แต่ยอดขายออนไลน์ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2019 ยอดขายออนไลน์ของ Walmart อยู่ที่ 588,000 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก (เบอร์ 1 คือ Amazon ที่ 1.7 ล้านล้านบาท) โดยมีการคาดการณ์ว่า ยอดขายออนไลน์ของ Walmart จะขึ้นไปถึง 942,000 ล้านบาทภายในปี 2025 

ในสถานการณ์จริง เมื่อเราอยู่บ้านและอยากซื้อสินค้าซักชิ้น 

  • เข้าแพลตฟอร์ม E-commerce www.walmart.com หยิบสินค้าใส่ตะกร้าก็ได้
  • กดมือถือเข้าผ่าน “แอพ Walmart” ก็ได้ สินค้าที่คุณหยิบใส่ตะกร้าในเว็ป จะโชว์อยู่ในแอพ 
  • เมื่ออยากชำระเงิน ก็ทำได้ผ่านบัตรเครดิตและช่องทางต่างๆ 
  • เลือกให้สินค้ามาส่งที่บ้าน 
  • หรือไปรับที่หน้าร้านสาขา จะเดินไปรับ หรือ Drive Thru ก็ได้ทั้งนั้น
A picture containing text, person, holding, cellphone

Description automatically generated

Image Cr. bit.ly/3ytJ6yR

ในมุมมองของลูกค้า ทุกอย่างดูราบรื่นไปเสียหมด ทุกอย่างราวกับ “ถูกประเคน” มาไว้ตามความต้องการ อยากซื้อที่ไหน เมื่อไร อย่างไรก็ได้หมด

ความลื่นไหลในประสบการณ์การช็อปปิ้งนี้ถูกให้ความสำคัญระดับสูงสุด ซึ่งแม้แต่ Doug McMillon ซีอีโอคนปัจจุบันของ Walmart ยังกล่าวเองเลยว่า 

“ผมอยากให้ทุกคนเลิกพูดถึงค้าปลีกดิจิตอลและออนไลน์ราวกับว่ามันเป็นสองอย่างที่แยกขาดจากกัน…ลูกค้าไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเราเองก็เช่นกัน”

.

.

ปัจจุบัน Walmart มีมูลค่าบริษัทกว่า 12.2 ล้านล้านบาท และต้อนรับลูกค้าหน้าร้านทั่วโลกกว่า 250 ล้านคน/สัปดาห์

การกระจายสาขาไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง (ครอบคลุมทุกรัฐในอเมริกาแล้ว) เทคโนโลยีที่สะดวกสบาย การปรับตัวขององค์กรเพื่อรับสิ่งใหม่ และเหนือสิ่งอื่นใด ราคาสินค้าที่ถูกกว่า…ทั้งหมดนี้ทำให้ “ชีวิตคน” ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

Walmart คงจะครองใจผู้บริโภคและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปอีกนาน 

.

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…จะได้มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง