5 คำแนะนำจากปาก Elon Musk สู่ Ultra Productive ใน 30 วัน

5 คำแนะนำจากปาก Elon Musk สู่ Ultra Productive ใน 30 วัน

OK แหล่ะ มีวิธีการทำงานบางอย่างของ Elon Musk ที่เป็นข้อถกเถียงกันถึงความพอดี เช่น 

  • ทำงานหนักสัปดาห์ละ 90 ชั่วโมง 
  • นอนหลับคาออฟฟิศอยู่บ่อยๆ

แต่มีอยู่ “5 คำแนะนำ” ของ Elon Musk ที่เป็นที่ยอมรับทั่วไปในวงการธุรกิจ เพื่อบรรลุ Ultra (+smart) Productivity ในเวลาอันรวดเร็ว 

และเพื่อชีวิตการทำงานที่ตอบโจทย์ตัวตนของคุณมากที่สุด…เราไปดูพร้อมกัน

1) การประชุม

Elon Musk ไม่ถูกจริตกับการประชุม เขาจะหลีกเลี่ยงการประชุมเท่าที่เป็นไปได้ ลดความถี่การประชุมให้เหลือ “น้อยที่สุด” เท่าที่จะน้อยได้

การประชุม…โดยเฉพาะแบบทางการที่ต้องเรียกรวมสมาชิกทีมทุกคน ไม่เคยอยู่ใน Top Priority ของบริษัทเค้า นอกจากลดความถี่ประชุมแล้ว ยังลด “ขนาด” เช่นกัน โดยจะเรียกเฉพาะคนที่ “เกี่ยวข้องโดยตรง” เท่านั้นมาร่วม คนไม่เกี่ยวไม่ต้องเข้า

Elon Musk สร้างกฎขึ้นมาเลยว่า แม้คุณที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกำลังประชุมอยู่ แต่หากพบว่าคุณได้ตอบเนื้อหาการประชุมครบถ้วนแล้ว คุณสามารถ “ออก” จากการประชุมนั้นได้เลย เพื่อที่เนื้อหาจะได้พูดถึงประเด็นอื่นต่อ (ซึ่งคุณไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้วนั่นเอง)

เขามองว่าการประชุมอยู่ขั้วตรงข้ามของความ Productive เพราะมันคือช่วงเวลาที่มีแต่คำพูด…ไม่ใช่การการกระทำ แม้คำพูดสวยหรูบรรเจิดแค่ไหน แต่การกระทำยังคงเป็น 0 เขาเรียกประชุมแบบนี้ว่า Fake Work คือดูเหมือนว่าคุณกำลังทำงาน มีความคืบหน้ามากมาย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย

2) เรียงลำดับความสำคัญ

เราทราบดีว่าเค้าบริหารบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ มากมาย เช่น Tesla, SpaceX, Neuralink…วันๆ หนึ่งคงต้องยุ่งเกินบรรยายแน่ๆ!!

เขาจึงต้องบังคับตัวเองให้ “จัดเรียงลำดับความสำคัญ” ของงาน โดยใช้กฎ 80/20 มาใช้ ปริมาณงานแค่ 20% แต่ให้ผลลัพธ์มากถึง 80%

แต่ในความจริงมันอาจเป็น 90/10 หรือแม้แต่ 95/5 ด้วยซ้ำ…โฟกัสเฉพาะงานที่สร้าง “มูลค่าสูงที่สุด” ให้แก่บริษัทเท่านั้น งานอื่นที่มีมูลค่ารองลงมาจะกระจายแจกจ่ายให้ลูกทีมคนอื่นแทน เป็นอีกเหตุผลที่ Elon Musk ให้ความสำคัญกับการจ้างพนักงานมากๆ เพราะคนนั้นต้องรับผิดชอบงานสำคัญๆ ที่เค้ามอบหมายให้นั่นเอง

เขาเคยกล่าวในงานรับปริญญาของ University of Southern California (USC) ว่า “Don’t waste time on stuff that doesn’t actually make things better.” อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ได้ทำให้อะไรๆ ดีขึ้น

3) การสื่อสาร 

Elon Musk มองว่า วิธีการสื่อสารของคนที่เป็นระดับผู้นำคือ บางครั้งต้องอย่าใช้ “คำย่อ” และ “คำเฉพาะ” (Acronyms & Jargons) ฟุ่มเฟือยจนเกินไป แม้ว่ามันฟังดูเท่หรือดูมีภูมิความรู้ก็ตาม เช่น

  • CPC ให้เขียนว่า Cost-per-click
  • WOM ให้เขียนว่า Word-of-mouth
  • BR ให้เขียนว่า Bounce rate
  • ETA ให้เขียนว่า Estimated time of arrival
  • POC ให้เขียนว่า Point of contact
  • Open the Kimono ให้เปลี่ยนเป็น เปิดเผยข้อมูล
  • S.W.A.T. Team ให้เปลี่ยนเป็น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Experts)
  • Boil the Ocean ให้เปลี่ยนเป็น อย่าเสียเวลา (Don’t waste time)
  • Low-hanging fruit ให้เปลี่ยนเป็น ปัญหาที่ง่ายที่สุดในการแก้ไข
  • Chief cook and bottle-washer ให้เปลี่ยนเป็น พนักงานที่ดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง

เขามองว่าคำเหล่านี้ มักไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที เมื่อได้ยินปุ๊ป ต้องใช้สมอง “ตีความ” ไปอีกขั้นหนึ่ง สุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษโดยเฉพาะเมื่อสื่อสารกับสาธารณชน / ลูกค้า / หรือแม้แต่พนักงานข้ามแผนก อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นได้

4) วิธีคิดไอเดีย 

รักษาความเป็น “Beginner’s mind” ไว้เสมอ ทัศนคติยามที่เรายังเป็นมือใหม่ ยังพึ่งเริ่มต้นซึ่งเต็มไปด้วยไฟ ความฝัน ความทะเยอทะยาน ความสงสัยอยากรู้อยากเห็น

Beginner’s mind ยังเป็นช่วงเวลาที่เรามัก “ตั้งคำถาม” กับอะไรต่อมิอะไร จนอาจนำไปสู่การปฏิวัติวงการ เช่น เค้าตั้งคำถามสมัยทำ SpaceX ใหม่ๆ ว่า ทำไมแบตเตอรี่ถึงต้องแพง? นำไปสู่การผลิตแบตเตอรี่ที่เหมาะกับจรวดของบริษัท และลดต้นทุนลงได้มหาศาล 

นอกจากนี้ เขาไม่ละเลยการหาความรู้พื้นฐานผ่านการ “อ่านหนังสือ” Elon Musk มีนิสัยชอบอ่านหนังสือ 10 ชม./วัน ตั้งแต่สมัยเด็ก เคล็ดลับของเขาคือ “ต้นไม้แห่งสติปัญญา” 

เริ่มอ่านจากสิ่งที่เป็น “รากฐาน” สำคัญ ก่อนแตกแขนงกิ่งก้านออกไปเรื่องอื่น และจะอ่านเพื่อเติมความรู้ที่ขาดหายไป และเน้น “คุณภาพการอ่าน มากกว่า ปริมาณการอ่าน”

5) วิสัยทัศน์

“คิดการใหญ่เข้าไว้” คือสิ่งที่ Elon Musk บอกกับใครเสมอมา “ใหญ่” ของเขาคือระดับที่เปลี่ยนโลกของเราได้ 

เค้าเคยพูดกับสื่อไว้ว่า “I’m interested in things that change the world or that affect the future.”  ผมสนใจเรื่องที่เปลี่ยนโลกหรือที่มีผลกับอนาคตของเรา

แต่ละเรื่องที่ Elon Musk คิด…ไม่ใช่ความฝันระดับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา 

  • ฝันไปสร้างอารยธรรมมนุษย์ที่ดาวอังคาร 
  • ฝันถึงรถยนต์ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า
  • ฝันถึงการเชื่อมสมองคนเข้ากับคอมพิวเตอร์

เขาฝันและเชื่อมั่นมาโดยตลอดกับทุกสิ่งที่ทำ และคิดว่าอย่างน้อยที่สุด แม้สิ่งที่เค้าทำจะไม่สำเร็จทันคนรุ่นเขา แต่เด็กเจเนอเรชั่นถัดไปสามารถนำนวัตกรรมที่เค้าคิดค้นไปต่อยอดจนสำเร็จได้นั่นเอง

.

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ และมีความสุขกับงานในทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/

อ้างอิง